FB

fbq('track', 'ViewContent');

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ยาสูบ

จากภาวะวิกฤติโลกร้อน(Global Warming) โลกเปลี่ยนไป ภาวะดินฟ้าอากาศเปลี่ยนไป สภาพพื้นดินเปลี่ยนไป  การผลิตพืชยุคใหม่ จึงต้องใส่ใจในการนำ "องค์ความรู้" และ "นวัตกรรม" ใหม่เข้ามาใช้ให้เกิดผลสำเร็จในการผลิตพืชให้มี
ทั้งผลผลิตและคุณภาพที่สูง การแก้ปัญหาในการผลิตพืชจึงไม่ใช่วิธีการเยียวยา ...แบบที่ผ่านๆมา ซึ่งมันไม่ได้ผล มันต้องรู้ความต้องการที่แท้จริงของพืช ว่าพืชมันต้องการอะไร แล้วจึงใส่สิ่งนั้นๆที่พืชต้องการเข้าไปในลักษณะเลียนแบบธรรมชาติที่พืชสร้างหรือผลิตได้เองแต่ปัจจุบันมันบกพร่อง ไม่ใช่นึกจะใส่อะไรนึกจะเติมอะไรก็ใส่เข้าไปตามใจคนขายสินค้าไม่ได้แบบที่ผ่านมา มันจึงพากันลงเหว จำไว้ต้องใส่ในสิ่งที่พืชต้องการอย่างรู้กลไกภายในของพืช จึงจะประสบผลสำเร็จ ต้องคิดในมิติใหม่ เพราะต่อไปการเพิ่มผลผลิตต่อไร่จึงสำคัญยิ่ง ปลูก 1 ไร่ให้ได้ผลผลิตเท่ากับ 2 ไร่แบบเก่าๆ ไม่ใช่เอาแต่เพิ่มพื้นที่ปลูก หาพื้นที่ปลูกใหม่ๆไม่มีวันจบ ต่อไปต้องลงทุนปัจจัยเพิ่มหลักพัน เพื่อแลกกันกับผลผลิตและเงินที่จะเพิ่มขึ้นหลักหมื่น นี่แหล่ะคือสิ่งที่จะอยู่รอด นี่แหล่ะคือสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ต้องทำให้ "WIN-WIN-WIN" ชนะด้วยกันทั้งสามฝ่าย ไม่ใช่แค่  WIN-WIN(ชนะสองฝ่าย) แล้วคือชนะแค่  พ่อค้าขายปัจจัยการผลิตปุ๋ย&ยา กับผู้ประกอบการส่งเสริมการปลูกไม่ได้แล้ว แต่ต้องชนะทั้ง 3 ฝ่ายคือ เกษตรกร ผู้ประกอบการ และบริษัทเจ้าของปัจจัยการผลิตที่ดีที่มีองค์ความรู้และนวัตกรรมเท่านั้น




นวัตกรรมการผลิตยาสูบในยุคปัจจุบัน ที่ต้องตามให้ทันกับองค์ความรู้ใหม่ที่ใส่ใจกับความต้องการของพืชที่แท้จริง ในภาวะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในภาวะวิกฤติโลกร้อน(Global Warming) พืชเกิดวิกฤติผลผลิตแปรปรวน กระบวนการดำเนินชีวิตผิดปกติ กระบวนการชีวเคมีภายในพืชวิปริต พืชต้องต่อสู้กับภาวะต่างๆเหล่านี้อย่างหนัก
เราต้องเข้าใจพืช  ออร์กาเนลไลฟ์ มีวิธี







ยาสูบยุคใหม่ ใส่ใจนวัตกรรม เพราะสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศของโลกมันเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ กระบวนการต่างๆภายในต้นพืชย่อมเกิดปัญหาไม่ว่าจะเป็นกระบวนการชีวเคมี (Biochemistry) และกระบวนการอื่นๆอีกมากมาย เราจะยึดแนวทางเก่าๆย่อมไม่ได้ ต้องใช้องค์ความรู้ใหม่ๆเข้ามาแก้ไขปัญหา ตามความต้องการของพืช เพื่อปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชแบบผ่ากระโหลกความเชื่อเก่าๆทิ้งไปเลยทีเดียว ออร์กาเนลไลฟ์ ใส่ใจความรู้สึกพืช จึงผลิตสารที่เลียนแบบตามธรรมชาติที่พืชเคยสร้างได้เอง ให้พืชเพื่อให้วงจรการทำงานของพืช ดำเนินไปได้ตามปกติ เหมือนสภาวะธรรมชาติในอดีตที่ยังปกติอยู่ สนใจเข้าเรียนรู้ได้ที่ "สถาบันเกษตราภิวัฒน์"
ภายใต้การดำเนินงานของออร์กาเนลไลฟ์
 



ผลงานของสารมาเลท(Malate) ที่เป็นสารตั้งต้น(Precursor)ในกระบวนการสร้างNicotine RingและสารSecondary Metabolites ต่างๆในพืชยาสูบ เพิ่มทั้งคุณภาพและผลผลิตมากกว่า30-50% ปลูกยาสูบเพียง 1 ไร่ได้ผลผลิตเท่ากับปลูก 2 ไร่ ใครไม่เอาบ้าง? แต่ต้องใช้นวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ เข้าร่วมแก้ไข เป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเกษตรยุคใหม่ล่าสุดในเมืองไทยและของโลกจากออร์กาเนลไลฟ์ ใช้ได้กับทุกพืช ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นยางพารา นาข้าว หรือมันสำปะหลังและพืชอื่นๆอีกมากมาย เกษตรยุคใหม่..ออร์กาเนลไลฟ์ ขอมีส่วนร่วมในการพัฒนา โลกยุคใหม่ วิทยาการใหม่ๆ องค์ความรู้ใหม่ๆ นวัตกรรมแห่งองค์ความรู้ใหม่ๆ ถ้าใครไม่เชื่ออนุญาตให้ขอเวลานอก ออกไปนั่งดูที่ข้างสนามก่อนได้นะครับ


เห็นสภาพดินแบบนี้ แล้วอึดอัดใจและอดที่จะวิตกและกังวลใจไม่ได้เลย เจอสภาพดินแบบนี้ เห็นทีจะพัฒนาผลผลิตและคุณภาพให้สูงขึ้นได้ยาก และชาวสวนยาสูบก็นิยมเอาสภาพดินแบบนี้มาปลูกยาสูบ และเอาสภาพดินที่สมบูรณ์ไปทำอย่างอื่น ดินแบบนี้รากยาสูบจะอึดอัดและหายใจไม่ออก รากได้รับอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอ ดินเหนียว น้ำแช่ขัง ไม่ยอมระบาย รากหายใจได้ไม่ดี และไม่มีโอกาสดูดกินปุ๋ยที่ดี ต้องหาวิธีแก้ไข แก้ไขปัญหาดินแบบนี้มีทางเดียวนั่นก็คือ"แอนติ-ดินดาน"(Anti-Dindaan) เพราะงานเรื่องดินเหนียว ดินแน่น ดินดาน มันเป็นงานของเราจริงๆ ดินแบบนี้ไม่มีโอกาสสร้างผลผลิตเพราะมันติดที่รากเจริญเติบโตไม่ได้ แล้วจะเอารากจำนวนมากได้อย่างไร รากหายใจได้น้อย ดูดกินปุ๋ยได้น้อย เราก็อย่าหวังว่าจะพัฒนาผลผลิตที่ดีได้เลยพี่น้อง
 


เฮ้อ..เห็นภาพแบบนี้ มันอ่อนเพลียและละเหี่ยใจเสียเหลือเกิน กับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างนี้ ไม่อยากพบไม่อยากเห็นอีกต่อไปเลย ปัญหาโรคยาสูบแบบที่เห็นเหล่านี้จะสูญพันธุ์ไป เมื่อเราใช้"คาร์บ๊อกซิล-พลัส"ฉีดพ่นป้องกัน ใช้"อีเรเซอร์-1" ราดฆ่าเชื้อมันแบบเฉียบขาด "โรคเหี่ยวเฉาขยาด โรครากเน่าแขยง" ต้องคู่พิฆาตคู่นี้เท่านั้นจริงๆ ปลอดภัยเพราะไม่มีสารพิษ ชุบชีวิตต้นยาสูบได้มากกว่า 95% เราจะไม่พบเห็นต้นที่เป็นโรคเสียหายเหล่านี้อีกต่อไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกของยาสูบไทย ที่ต้องการผลผลิตต่อไร่ที่สูง เราต้องคำนึงถึงเรื่องความเสียหายจากโรคร้าย ต้องลดความเสียหายจากโรคร้ายให้จงได้ จึงจะมั่นใจว่าผลผลิตต่อไร่ 4,000-5,000 กิโลกรัมต่อไร่ ไม่ใช่ เรื่องยาก "ชาวสวนยาสูบทั่วโลกตะลึง อึ้งและทึ้ง เมื่อรู้ว่าโรคยาสูบรักษาได้แล้ว"จริง หนึ่งเดียวในโลกจริงๆ



ทางรอด ยาสูบไทย ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ (1) ผลผลิตสูง (2) คุณภาพสูง (3) ต้นทุนต่ำ แต่ในทางกลับกันถ้าเราหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง ย่อมเกิดปัญหาต่างๆอยู่ร่ำไป และถ้าปล่อยให้ยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้เกิดเป็นโรคต่างๆมากมาย เสียหายไร่ละหลายร้อยหลายพันต้น ผลผลิตเลยต่ำ ต้นทุนเลยสูง พอได้ผลผลิตต่ำ ก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าหรือว่าคนรับซื้อ เพื่อให้ได้ราคาสูงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากและลำบากเพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เราต้องหันกลับมาทำทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"ให้เกิดผลให้ได้ โดยที่"ผลผลิตต้องทำอย่างไรให้สูงถึง 90% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้( เป้าหมายผลผลิต 5,000 กิโลกรัม/ไร่) คุณภาพทำอย่างไรให้ได้เกรดสูงมากกว่า 95% และทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ โดยใช้ปัจจัยที่ใช่ และใช้ได้ผลตรงเป้าหมายและความต้องการของพืช อีกทั้งลดความเสียหายจากภัยต่างๆทั้งดินฟ้าอากาศ และโรค&แมลง ที่กล่าวมาเบื้องต้น "ออร์กาเนลไลฟ์" เรามีวิธี เพราะเรามีทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"และสินค้าในกระบวนการ"Revitalization"และกระบวนการ"SAR"และกระบวนการชีวเคมีต่างๆอีกมากมายภายในพืช และนี่คือ ทางออกหนึ่งซึ่งเกษตรกรอาจตามหามานานตลอดชีวิตก็เป็นได้ เราเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ ทฤษฎีและสินค้าของเรา จึงไม่มีการลองผิดลองถูกครับ
 


ทางรอด ยาสูบไทย ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ (1) ผลผลิตสูง (2) คุณภาพสูง (3) ต้นทุนต่ำ แต่ในทางกลับกันถ้าหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง ก็จะเกิดปัญหาอยู่ร่ำไป การปล่อยให้ต้นยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้มีโรคมากมาย เสียหายไร่ละหลายร้อยหลายพันต้น ผลผลิตเลยตกต่ำ ต้นทุนเลยสูง พอได้ผลผลิตต่ำ เราก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าหรือคนรับซื้อเพื่อให้ได้ราคาสูงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากเพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เราต้องหันกลับมาทำทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"ให้เกิดผล "ออร์กาเนลไลฟ์" มีวิธี เพราะเรามีทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"และสินค้าในกระบวนการ"Revitalization"และกระบวนการ"SAR"และกระบวนการชีวเคมีต่างๆอีกมากมายในพืช และนี่คือ ทางออกหนึ่งซึ่งหลายคนอาจตามหามานาน เราเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ


ได้มีโอกาสเข้าไปตรวจไร่ยาสูบที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน ในวันดีวันที่ 1 มกราคม วันเริ่มต้นปีใหม่ 2556 เนื่องเพราะในปีนี้เป็นปีที่เกิดความวิปริตของสภาพดินฟ้าอากาศ สภาพดินฟ้าอากาศที่ผิดปกติเกิดขึ้นในหลายๆจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน จนทำให้การเพาะปลูกยาสูบเกิดปัญหาในหลายๆด้าน ไม่ว่าการเจริญเติบโตที่ไม่ปกติ เกิดปัญหาเรื่องโรคพืชต่างๆรบกวน การสร้างคุณภาพใบยาไม่ดี ผลผลิตแย่ สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นเกือบทุกที่ แต่โชคดีและสบายใจและปลอดโปร่งโล่งใจเมื่อเข้าไปตรวจดูสวนยาสูบที่เรารับผิดชอบทั้งระบบอยู่ ปรากฏว่าทุกอย่างยอดเยี่ยม สุดยอดมาก ยาสูบทุกต้นในไร่สมบูรณ์ทั้งคุณภาพและผลผลิต ไม่พบความเสียหายที่ร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นจากโรคพืชต่างๆ หรือการเจริญเติบโตที่ไม่ดี ทุกอย่างสอบผ่าน ขอบคุณจริงๆครับ ขอบคุณ"วัคซีนพืช"( ซาร์คอนและคาร์บ๊อกซิล-พลัส เอ็กซ์ตร้า) ขอบคุณ"ซิกน่า" สารส่งสัญญาณไล่แมลงและเพลี้ยที่เป็นพาหะโรคจากเชื้อไวรัส ขอบคุณ"สารตั้งต้น" มาเลท(Malate) จาก"พาร์ทเวย์ M-190" และขอบคุณกรดอินทรีย์"Hydroxy acid"ที่อยู่ใน"อีเรเซอร์-1" ที่ทำหน้าที่ฆ่า"ราสีน้ำเงิน" อย่างเฉียบพลัน อีกทั้งยังทำหน้าที่ในกระบวนการ"Revitalization"(กระบวนการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์และปกติ ช่วยบำรุงและซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมให้เป็นเซลล์ที่เหมือนเซลล์ใหม่อยู่ตลอดเวลา) อันทำให้ต้นยาสูบเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างผลผลิตและคุณภาพต่อไป ขอบคุณแทนต้นยาสูบ ขอบคุณแทนเกษตรกร และขอบคุณแทนพ่อเลี้ยงผู้ส่งเสริมและรับซื้อผลผลิตใบยาสูบจากเกษตรกร ขอบคุณจริงๆครับ
 


โรค"Tobacco Yellow Dwarf Virus"(โรคไวรัสเหลืองแคระ) โรคนี้ก็ไม่ธรรมดาสำหรับยาสูบไปแล้ว เพราะพบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นจำนวนมาก ทำให้เราหาข้อสรุปได้เลยว่า ภาวะดินฟ้าอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีการเกิดขึ้นของแมลงพาหะที่นำเชื้อไวรัสโรคนี้เพิ่มมากขึ้น และต่อให้นำยาเคมีสูตรใหม่มาใช้เรื่อยๆก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการต้านสารเคมีขึ้นมาของแมลงพาหะในตระกูลเพลี้ยอ่อนและเพลี้ยไฟ แนวทางของออร์กาเนลไลฟ์ แก้ไขและป้องกันโดยการฉีดพ่น"ซิกน่า"(ZIGNA) สารส่งสัญญาณเพื่อไล่แมลงไม่ให้มันมาลงทำลายพืชของเรา อีกทั้ง"ซิกน่า" ยังเป็นสารกระตุ้นให้ต้นยาสูบสร้างสาร"Secondary Metabolites"(สารทุติยภูมิ) บางอย่างออกมาเพื่อให้หนอน แมลงและเพลี้ยไม่ชอบมากิน หรือสร้างสารที่แมลงกินไม่ได้ จึงทำให้พืชของเราไม่ถูกรบกวน และเราเตรียมการป้องกันอีกทางหนึ่งนั่นก็คือ"การสร้างเกราะคอนกรีต"ให้ใบและลำต้นพืชโดยใช้"ซาร์คอน"(SARCON) ซึ่งเป็นออร์โธซิลิซิค แอซิด มีซิลิก้าในรูปแอคทีฟ ที่มีโมเลกุลเล็กมากๆที่สามารถเคลื่อนย้ายภายในลำต้นและใบพืชได้ จนไหลเวียนและนำไปสร้างผนังที่แข็งแกร่งบริเวณผนังเซลล์(Cell Wall)ของพืชได้ นี่คือ นวัตกรรมในการดูแลพืชยุคใหม่ที่ไร้สารพิษต่อผู้ใช้และผู้บริโภคจากออร์กาเนลไลฟ์

  


มันต้องอย่างงี้ซิ "ยาสูบยุคใหม่" ในภาพต้นยาสูบอายุ 45 วัน ปลูกต้นเดือนพฤศจิกายน ต้นสมบูรณ์ สม่ำเสมอเท่ากันเกือบทุกต้น ไม่มีความเสียหายจากโรคต่างๆซักต้น ทุกต้นได้รับ"วัคซีน"ป้องกันโรคและแมลง ทุกต้นไม่ใช้สารเคมีทั้งโรคและแมลงฉีดพ่น จึงปลอดภัยจากสารพิษ ชีวิตเกษตรกรไม่ต้องตายแบบผ่อนส่ง ผลผลิตไม่เสียหาย ไม่ถูกโรคเข้าทำลาย กำหนดเป้าหมายผลผลิตได้ คุณภาพดีมีแต่เกรดยาสูง กำหนดคุณภาพทั้งปริมาณนิโคติน ปริมาณสารอัลคาลอยด์ ในใบยาได้เพราะมีการให้ สารตั้งต้น(Precursor) ที่ชื่อว่า "มาเลท"(Malate)ในการสร้างคุณภาพใบยาและมีการวางแผนการเพาะปลูกตามทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์ 360 องศา จากออร์กาเนลไลฟ์ (ภาพจากสถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อ.ปัว จ.น่าน 20 ธันวาคม 2555)




มันต้องอย่างงี้ ใบยาสูบที่ดีและมีคุณภาพ สดจากไร่ไม่มีความเสียหายจากโรค สุกแก่สมบูรณ์ คุณภาพสม่ำเสมอ พร้อมนำเข้าบ่มให้ออกมาเป็นใบยาแห้งคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป (รุ่นปลูกปลายเดือนกันยายน2555 ที่สถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อำเภอปัว จังหวัดน่าน) 



เจอสภาพใบยาสูบแบบนี้ ต่อให้เทวดา ก็หมดปัญญา บ่มให้มีคุณภาพที่ดีได้ โรคเข้าทำลาย ใบเริ่มเหลือง เกษตรกรเร่งเก็บหนีโรค ใบยายังดูดกินปุ๋ยอยู่ ยังไม่สุกแก่ เก็บมาก็มีปัญหาในการบ่มให้ได้เป็นใบยาแห้งที่มีคุณภาพได้



ถ้าพบเห็นสภาพใบยาสูบแบบนี้ แล้วยังบอกว่ามันมาจากสาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่จากโรค"ราสีน้ำเงิน" ก็เชิญเพลิดเพลินกับความเสียหายต่อไป เพราะนี่คือ.."พิษสง"อันร้ายกาจ ของโรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ที่จะทำให้ยาสูบไทย สูญพันธุ์ ถ้าไม่ป้องกันและแก้ไขที่ถูกวิธี มีแต่หายนะ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นแบบนี้แล้วจะมีอะไรเหลือกับคุณภาพและผลผลิตใบยาสูบที่เราต้องการและรายได้ของเกษตรกรอันพึงมีพึงได้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของเขา ก็ต้องสูญเสียไปแบบไร้ความหวัง และอาชีพการเพาะปลูกยาสูบไทยก็ต้องมีอันสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย 


นี่คือ.."พิษสง"อันร้ายกาจ ของโรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ที่จะทำให้ยาสูบไทย สูญพันธุ์ ถ้าไม่ป้องกันและแก้ไขที่ถูกวิธี มีแต่หายนะ เกิดขึ้นแบบนี้แล้วจะมีอะไรเหลือกับคุณภาพและผลผลิตใบยาสูบที่ต้องการและรายได้ของเกษตรกรอันพึงมีพึงได้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็ต้องสูญเสียไปแบบไร้ความหวัง




เตือนภัย..โรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ในยาสูบ "มันมาอีกแล้ว" ครับท่าน เพราะอากาศมันวิปริตเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวอุ่น โรคนี้มันเลยชอบ วันนี้(31 ธค 2555) วันส่งท้ายปีเก่า ขอเวลาเข้าตรวจดูสวนยาสูบซักหน่อยไม่อยากปล่อยให้มันน้อยใจ ทุกปีก่อนสิ้นปีก็มาเยี่ยมมันที และก็ได้เห็นปัญหากับตา ซึ่งก่อนหน้าก็ได้สั่งแก้ไขปัญหาโรคราสีน้ำเงินไปเรียบร้อยแล้วจนได้ผลผลิตและคุณภาพที่ดีกลับคืนมาเกินกว่า 95% ในรุ่นเดือนกันยายน พอมาถึงรุ่นนี้รุ่นที่ปลูกในปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา โรคนี้ก็เริ่มกลับมาอีกครา แต่มาคราวนี้เราระวังตัวดี เลยไม่มีปัญหา สบายมาก มาเลยเจ้า"โรคราสีน้ำเงิน" เราไม่กลัวคุณแล้ว คุณมาคุณต้องเจอ"นักฆ่ามหาประลัยอย่าง" อีเรเซอร์-1" อย่างแน่นอน ชัวร์ 




ใครรู้บ้างว่า"นี่คือพืชอะไร" ถ้าไม่บอกหลายคนอาจจะไม่รู้จัก ที่เห็นในภาพนี้คือ"ใบยาสูบ" เป็นใบยาสดที่เก็บมาจากไร่เพื่อรอทำการบ่มให้แห้ง ก่อนนำมาทำบุหรี่ต่อไปตามกระบวนการการผลิตบุหรี่ อย่างที่ผมเคยบอกว่า"ยาสูบ"คือ พืชปราบเซียน เป็นพืชที่นักการเกษตรรู้จักและคลุกคลีกันน้อยมากเพราะหน่วยงานรับผิดชอบไม่ใช่กรมวิชาเกษตร และเป็นพืชที่ดูแลยากพืชหนึ่ง ที่ว่ายากคือว่ามีอยู่ 2 เรื่องหลักๆนั่นคือ(1) เรื่องการจัดธาตุอาหารที่สมดุลย์ (2) เรื่องโรคต่างๆของยาสูบ เรื่องโรคยาสูบเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตาย พืชอื่นๆก็มีโรคพืชต่างๆที่เข้าทำลายทั้งที่ลำต้นและที่ใบ แต่พืชอื่นๆถูกเชื้อโรคเข้าทำลายที่ใบ แต่ยังได้ขายผลผลิตอยู่ แต่ถ้าเป็นยาสูบพอถูกเชื้อโรคเข้าทำลายที่ใบ อาจทำให้ถึงกับเจ๊งหมดตัวได้เลยทีเดียวเพราะว่ายาสูบเราขาย"ใบ" ถ้า"ใบ"ของมันถูกทำลาย พอเอามาบ่มขายก็บ่มไม่ได้ใบยาแห้งที่ดีมีคุณภาพ ผมเลยบอกว่ายากไงหล่ะ และถ้ามาประดังประเด ถูกผสมผสาน                                                                                                                                                                                                                       ด้วยการจัดธาตุอาหารให้ต้นยาสูบที่ไม่ถูกต้องด้วยแล้ว ยิ่งพากันไปใหญ่ นี่คือพืชที่เราต้องรู้ใจให้มาก ทั้งเรื่องโรคภัยและการบริหารจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสม แล้วทุกอย่างจะง่ายในการผลิตใบยาสูบที่ดีและมีคุณภาพและที่สำคัญผลผลิตต้องได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะในยุคที่"ต้นทุนสูง" สิ่งที่ต้องทำก็คือ การพัฒนา"ผลผลิตให้สูง"ให้ได้ เพื่อทำให้"ต้นทุนการผลิตต่ำลง" และถ้าปล่อยให้เสียหายจากโรคต่างๆอย่างมากมาย ก็จะยิ่งทำลายผลผลิตให้ต่ำลง จนอยู่ไม่ได้ "ทฤษฎี 2 สูง 1 ต่ำ" จึงจำเป็นที่จะต้องถูกนำมาใช้ และนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ด้วยกระบวนการต่างๆทางเคมีและชีวเคมีภายในของพืชที่แท้จริง เพื่อให้พืชนี้คงอยู่คู่เกษตรกรต่อไป และยังคงเป็นอีกพืชหนึ่งที่ยังสามารถทำรายได้อย่างมั่นคงให้เกษตรกรได้ตลอดไป ผมโชคดีที่มี"พืชยาสูบ" เป็นอาจารย์มากว่า 30 ปี จึงมามีวันนี้กับพืช"ยางพารา" พืช"มันสำปะหลัง" พืช"นาข้าว" และ"พืชอ้อย" และพืชต่างๆอีกมากมายที่ผมกำลังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ใครไม่เชื่อผมไม่เป็นไร แต่ขอให้พืชทุกพืชที่ผมลงไปทำงานด้วย เชื่อผม ผมก็พอใจแล้ว เพราะผมเองมีความสุขกับการที่เห็นพืชมีความสุขครับ




เตือนภัย!!!!...โรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ในยาสูบ: ชาวไร่ยาสูบทางเชียงราย พะเยา ลำปาง น่าน และหนองคาย ที่ปลูกยาสูบในช่วงนี้ ให้ระวัง!!การระบาดของโรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold ) ที่มากับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของอากาศที่เปลี่ยนจากอุณหภูมิอบอุ่นมาเป็นอุณหภูมิหนาวเย็นและสลับกับอุณหภูมิหนาวเย็นกลับมาเป็นอุณหภูมิอบอุ่นขึ้น ซึ่งทุกปีจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคม แต่ในปีนี้จะมาเร็วขึ้นกว่าปกติเพราะพบว่าเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม(คือเดือนนี้)ในหลายๆที่และหลายๆจังหวัด วิธีที่ดีที่สุดคือ การป้องกันเมื่อรู้ว่าในช่วงนี้มันมีปัจจัยเหมาะสมต่อการแพร่ระบาด อย่างไรมันก็ต้องเกิด ไม่น่าจะเสี่ยงปล่อยให้มันเกิดขึ้นแล้วมาตามแก้ไขในภายหลัง วิธีที่ดีที่สุดคือ การให้วัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองแก่ยาสูบไว้ล่วงหน้า และใช้ยาฆ่าเชื้อแบบเฉียบพลันฉีดพ่นเมื่อพบเห็นว่ามันเริ่มจะระบาดได้ไม่เกิน 5% ของสวนยาของท่าน โรคนี้รุนแรงมาก จะทำให้ใบยาเริ่มเหลืองจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วโดยที่ใบยายังไม่สุกแก่ แต่เกษตรกรชาวสวนต้องเก็บเกี่ยวเพราะมันเหลืองแล้ว เมื่อนำมาบ่มก็จะเป็นยาตายหรือบ่มเสียเป็นใบยาสีดำทั้งเตา ส่วนในสวนใบยาก็จะเหลืองเร็วมากเพราะเชื้อมันระบาด เพียงแค่ไม่กี่วันใบยาจะเหลืองเป็นครึ่งค่อนต้น นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การผลิตใบยาสูบล้มเหลว จนนำไปสู่สิ่งที่ตรงข้ามกับทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"( ผลผลิตสูง คุณภาพสูง และ ต้นทุนต่ำ)ที่เราต้องการ แต่ถ้าเกิดความเสียหายตรงนี้ก็จะกลับกลายเป็น" 2 ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ ผลผลิตต่ำ คุณภาพต่ำ แต่ ต้นทุนสูง ซึ่งตรงข้ามกับทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ" นั่นเอง
 



มีอาการใบหด ที่เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมีแมลงหวี่ขาว(White fly) เป็นพาหะ ปล่อยเชื้อไวรัสและติดเชื้อมาจากกล้าปลูก เลยมาแสดงอาการในไร่ปลูก และยิ่งพอมาปลูกเจอสภาพดินที่แน่นทึบ(Soil Compaction) เข้าไปอีกยิ่งไปใหญ่ ทำให้รากยาสูบเจริญเติบโตไม่ได้ เพราะดินไม่โปร่งร่วนซุย ดินแบบนี้ไม่ค่อยมีอินทรีย์วัตถุจึงไม่น่านำมาปลูกยาสูบ อีกทั้งต้นยาสูบขาดน้ำด้วยแล้วอาการเหี่ยวจึงเกิดขึ้น สรุปว่า การดูแลและปฏิบัติต่างๆไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสภาพดินปลูก การเตรียมดินให้เหมาะสม ร่วนซุย การป้องกันโรคจากเชื้อไวรัส เป็นต้น
                สรุปสาเหตุประเด็นหลักคือ"ดิน" ทั้งโครงสร้างดินไม่ดี และ การเตรียมดินปลูกไม่ดี สภาพดินด้อยคุณภาพ อินทรีย์วัตถุต่ำ ปัญหาที่จะติดตามมา ก็คือ " โรคทางดิน" ไม่ว่าจะโรคเหี่ยวเฉา โรครากเน่า โรคโคนเน่า เพราะคุณสมบัติดินไม่ดี มีค่า PH ไม่เหมาะสม การเจริญเติบโตก็ไม่ดี เพราะการดูดกินธาตุอาหารได้ไม่ดี



 


สภาพดินที่แน่นทึบ(Soil Compaction) ทำให้รากยาสูบเจริญเติบโตไม่ได้ เพราะดินไม่โปร่งร่วนซุย ดินแบบนี้ไม่ค่อยมีอินทรีย์วัตถุจึงไม่น่านำมาปลูกยาสูบ เป็นดินที่มีธาตุอาหารต่ำ จึงแสดงอาการขาดธาตุอาหาร โดยเฉพาะธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน (N)
                ปัญหาใหญ่ที่เห็นอีกอันหนึ่งก็คือ "ระยะปลูก" ซึ่งถี่มาก ถ้าแก้ไขเรื่องระยะปลูกไม่ได้ ก็อย่าหวังว่า จะไปพัฒนาเรื่องอื่นๆเลย เรื่องการเพิ่มผลผลิตก็ได้แต่เพียงคิดและฝันไปเท่านั้น โจทย์ข้อแรกของภาพนี้คือ "ต้องแก้ไขระยะปลูก"ให้ถูกต้องเสียก่อนครับ
 

ดินแน่น ขาดน้ำ โครงสร้างดินแน่นทึบ (Soil Compaction) เมื่อดินร้อนระอุจึงเกิดอาการ Sun Blasting ทำให้ใบไหม้ได้ในระยะต้นยาสูบที่เพิ่งจะปลูกใหม่ๆ
                สรุปสาเหตุประเด็นหลักคือ"ดิน" ทั้งโครงสร้างดินไม่ดี และ การเตรียมดินปลูกไม่ดี สภาพดินด้อยคุณภาพ อินทรีย์วัตถุต่ำ ปัญหาที่จะติดตามมา ก็คือ " โรคทางดิน" ไม่ว่าจะโรคเหี่ยวเฉา โรครากเน่า โรคโคนเน่า เพราะคุณสมบัติดินไม่ดี มีค่า PH ไม่เหมาะสม การเจริญเติบโตก็ไม่ดี เพราะการดูดกินธาตุอาหารได้ไม่ดี



โรคใบหด( Leaf Curl ) ที่เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมีแมลงหวี่ขาว (Bemesia tabaci ) เป็นพาหะนำเชื้อ
ระยะปลูกที่ถี่เกินไป จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตเพื่อการสร้างผลผลิตและคุณภาพยาสูบที่สูงต่อไป ถ้าหากแก้ไขปัญหาตรงนี้ไม่ได้ ย่อมพัฒนาด้านอื่นๆต่อไปไม่ได้ ระยะปลูกที่ถูกต้องและเหมาะสมควรมีระยะห่างระหว่างแถวไม่ต่ำกว่า 1.20 เมตร( 120 เซนติเมตร) และระยะระหว่างต้นไม่ต่ำกว่า 0.60 เมตร( 60 เซนติเมตร)
 

เจอทั้งโรคใบหด เจอทั้ง SUNSCALD โครงสร้างดินก็ไม่ดี แถมการป้องกันโรคก็ยังไม่ดีอีก เจ๊ง กับ เจ๊ง ครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น