FB

fbq('track', 'ViewContent');

วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แนวทางในการสร้างผลผลิตให้แก่พืช

มารู้จัก..แนวทางบางอย่าง
ในการสร้างผลผลิตให้แก่พืช
.
ในสภาวะสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมหรือเมื่อสภาพของพืชไม่สมบูรณ์ พืชมักมีปัญหาจากการสังเคราะห์แสง พืชจะอยู่ในสภาพเครียด (Abiotic Stress) จากปัจจัยที่มีผลข้างต้น พาร์ทเวย์ (Pathway) สามารถปรับสภาพของพืชได้อย่างรวดเร็ว จากการให้สารตั้งต้น C4 หรือสารมาเลท (Malate) แก่พืชได้โดยตรง เพื่อชดเชยการขาดสารมาเลท (Malate) จากการสังเคราะห์แสงที่มีปัญหาของพืช
.
การให้สารเลียนแบบที่สำคัญบางตัว อาทิ Monosaccharides, Precursor ที่เป็นสารจากการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) ของพืช ให้แก่พืช สำหรับการสร้างพลังงานให้ล้น เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มการติดดอกออกผล เพิ่มคุณภาพผลผลิตทั้งรสชาติดีและสีสันงาม จึงนับว่ามีความสำคัญและจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง
.
พืชสังเคราะห์แสงได้กลูโคส (C6H12O6) พืชก็จะนำใช้ไปใช้ในกิจกรรมหลักๆของพืชก่อน อาทิ
- การนำไปใช้เป็นพลังงานในกิจกรรมดำรงชีพ
- การนำไปซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากการทำลายของแมลงศัตรูพืช เชื้อรา และความเสียหายอื่นๆ
- เมื่อเหลือแล้วจึงจะนำไปสร้างการเจริญเติบโต
- และสร้างการติดดอก ออกผลของพืชเอง
.
การที่พืชสังเคราะห์แสงได้ดีและได้ "น้ำตาลกลูโคส" มากๆ ก็จะสร้างการเจริญเติบโตและติดดอกออกผลได้มาก ผลผลิตก็จะดีและมีคุณภาพสูงมากขึ้น



ดังนั้น..
.
- น้ำตาลกลูโคส (C6H12O6) ที่พืชสังเคราะห์ได้จึงนับว่าเป็นความสำคัญมากต่อการสร้าง
ปริมาณและคุณภาพของผลผลิต
- ถ้าพืชสังเคราะห์กลูโคสได้มาก ก็ย่อมสร้างเนื้อเยื่อส่วนสำคัญและจำเป็นต่างๆได้เป็นจำนวนมาก
- เพราะพืชสามารถนำน้ำตาลกลูโคสนี้ ไปสังเคราะห์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในพืชเอง
- เริ่มตั้งแต่พลังงานชีวเคมีต่างๆในการดำรงชีวิต
- การสังเคราะห์เป็นเนื้อเยื่อ (Tissue) ต่างๆ โดยกระบวนการของเอ็นไซม์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไม้
เปลือกไม้ ใบ ยอดอ่อน ตาดอก ผล ล้วนแล้วเกิดมาจากการสังเคราะห์น้ำตาลกลูโคสทั้งสิ้น

- เมื่อใบพืชมีความสมบูรณ์ดีขึ้น
- ก็สามารถสังเคราะห์แสงได้ดีขึ้น
- เพื่อให้ได้น้ำตาลกลูโคสมากขึ้นและเร็วขึ้นและมีส่วนเหลือไปสร้างความเจริญเติบโตให้ต้น
และเหลือไปพัฒนาการสร้างผลผลิต ติดดอกออกผลได้มากขึ้น
- เมื่อได้น้ำตาลกลูโคสมากขึ้น
- พืชก็สามารถสร้างยอดใหม่ได้เร็วขึ้น
- ยอดอวบอ้วนแข็งแรงขึ้น
- แตกใบอ่อนใหม่ได้เร็วขึ้น
- ใบใหญ่เร็วขึ้นและแก่เร็วขึ้น ทำให้รอบของใบแก่สั้นลง การออกดอกก็ได้เร็วขึ้น
- การช่วยให้กระบวนการสังเคราะห์แสง มีประสิทธิภาพ ย่อมสร้างน้ำตาลกลูโคส
(C6H12O6) ได้เร็ว สามารถช่วยให้การฟื้นฟูต้นและใบหลังการเก็บผลผลิตได้เร็วด้วยยิ่งขึ้นไป
พืชย่อมใช้อาหารสะสมที่เป็นน้ำตาลสะสมในต้นมาเติมให้ส่วนที่เสียไปครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สรุปว่า :
การสังเคราะห์แสงได้ดี การสังเคราะห์น้ำตาลย่อมได้มาก มีน้ำตาลสะสมไว้มาก ย่อมทำให้มี "พลังงานสำรอง" ไว้มาก ทำให้การออกดอกของพืชได้ง่ายและดี ช่อดอกยาวอวบอ้วน ช่อใหญ่ ดอกสมบูรณ์ เกสรแข็งแรงและรังไข่อวบอ้วนสมบูรณ์แข็งแรง ติดดอกง่าย ดอกดก ให้ผลดก ผลใหญ่ เนื้อหนา เนื้อแน่น รสชาติดี มีความหวานสูง (ปัจจัยหลักของการสร้างตาดอก คือการสะสมอาหาร ถ้าการสะสมอาหารมีไว้น้อย ต่อให้มีสารวิเศษใดๆเข้ามาช่วย เข้ามาราดก็ไม่สามารถสร้างตาดอกได้ดี ถ้าหากมีการสะสมอาหารไม่เพียงพอมาก่อน ต้องเน้นการสร้าง "พลังงานให้ล้น" ไว้ก่อน เป็นดีที่สุด ถือว่าสุดยอดสำหรับพืช)







ORG-1 & ORG-2

มีอะไรที่สำคัญๆให้พืช
.
• Amino acid
• Carbohydrate as Monosaccharides
• Malate Compound
• Glutamate Compound
• Fluvic acid
• Calcium-Boron (CaB) Chelate
• Magnesium chelate
• Potassium (K)
• Nitrogen as N-NO3 form
.
ORG-1 : มีสาร Malate Compound ซึ่งเป็นสาร Precursor (สารตั้งต้น) ที่สำคัญในกระบวนการ Metabolism และมี โปรตีนทางด่วน "ในรูป Amino acid Chelate หลายชนิดที่สำคัญที่พืชต้องการ , มี Glutamate Compound ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการออกดอกของพืช และยังมีสารสำคัญอีกหลายชนิดที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น Magnesium Chelate ( Mg), Calcium-Boron Chelate (CaB) , Nitrogen as NO3 และธาตุอาหารหลักบางตัว อาทิ Potassium (K) เป็นต้น ใช้ได้ดีกับทุกช่วงการเจริญเติบโตของพืช เหมาะสำหรับช่วงสะสมอาหาร เร่งใบแก่ เพิ่มคาร์โบไฮเดรต(แป้งและน้ำตาล) ให้พร้อมเต็มที่เพื่อการออกออก ช่วยเพิ่มอาหารยามพืชอ่อนแอหรือสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารเองได้ไม่เต็มที่ในช่วงแล้งจัด หนาวจัด หรือช่วงอากาศแปรปรวน ฟ้าปิดแสงแดดน้อย ที่สำคัญช่วยเพิ่มอาหารยามที่พืชต้องการในระยะแทงช่อดอกให้ช่อดอกแข็งแรง แทงช่อดอกออกมาได้ดี ช่อใหญ่สมบูรณ์ เพิ่มแป้งน้ำตาลเมื่อพืชต้องการขยายขนาดผลเพิ่มน้ำหนัก ช่วยเร่งความหวาน เพิ่มขนาด และสีผลเข้มสวย ทำให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี สร้างภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง
.
ORG-2 : พลังงานทางด่วนพิเศษ สำหรับพืชและมีคาร์โบไฮเดรตในรูปน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharides) ที่เป็นพลังงานชั้นสูงในรูป "น้ำตาลทางลัด" ที่พืชต้องการ เป็นชนิดโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อการสะสมอาหารให้แก่พืชแบบรวดเร็วทันที และยังมี Fulvic acid ที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายและขนส่ง (Transporter) ประจุของธาตุอาหารต่างๆไปยังทุกส่วนของพืช


4 ช่วงที่สำคัญ สำหรับพืชที่ต้องการใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก
1. ช่วงแตกใบอ่อน
2. ช่วงการออกดอก
3. ช่วงการติดผล
4. ช่วงการเร่งคุณภาพ อาทิ เร่งความหวาน เร่งสี
ช่วยเพิ่มพลังงานให้พืชทันทีโดยไม่ต้องผ่านขบวนการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) ก่อนพืชออกดอกต้องการใช้พลังงานมากกว่าปรกติ เพราะต้องมีการสะสมอาหารเพื่อการออกดอก พืชเองจึงจำเป็นต้องได้รับพลังงานทางด่วน มี "อะมิโน แอซิค" ในรูปที่พืชสังเคราะห์ได้เองตามธรรมชาติ จึงใช้เป็นอาหารสะสมให้พืชทันที ช่วยเพิ่มการติดผล ช่วยทำให้พืชที่มีผลและผลไม้มีรสชาติดี เร่งหวาน เร่งสี
.
วิธีการใช้ อัตราผสม 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน
1. ช่วงฟื้นฟูต้นหลังเก็บเกี่ยวและแตกใบอ่อน : ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง เพื่อการแตกใบอ่อน 1 ชุด
2. ช่วงก่อนการออกดอก (ช่วงสะสมอาหาร) : ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง เพื่อสะสมอาหารให้มากพอต่อการออกดอก
3. ช่วงการติดผลอ่อน : ฉีดพ่น2-3 ครั้ง เพื่อเร่งการพัฒนาของผลอ่อนและลดการหลุดร่วงของผลอ่อน และฉีดพ่นต่อไปอีก 2-3 ครั้ง ในช่วงที่ต้องการขยายผลและเพิ่มน้ำหนักอีกทั้งยังป้องกันผลแตกและผลร่วง เนื่องจากขาดอาหารและขนาดพลังงาน
4. ช่วงการเร่งคุณภาพ (เร่งความหวาน) : ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยให้ผลโตอย่างรวดเร็วและช่วยเพิ่มการพัฒนาผลให้มีคุณภาพ
.
ORG-1 และ ORG-2 มีลักษณะเป็นโมเลกุลที่พืชดูดซึมได้ง่าย พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที สามารถใช้ได้ดีทั้งแบบฉีดพ่นทางใบ ผสมน้ำราดดินรากสามารถดูดซึมได้ หรือให้ไปกับระบบน้ำ พืชสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วทั้งทางใบและทางราก


#คุณประโยชน์ : 
-ช่วยการเจริญเติบโตทุกส่วนของพืชของพืช ช่วยฟื้นฟูสภาพต้นหลังการเก็บเกี่ยว หรือแก้อาการต้นโทรม
-ช่วยให้พืชแตกใบใหม่ได้พร้อมๆกันทั้งลำต้น ยอด และใบที่สมบูรณ์
-ช่วยสะสมอาหาร ช่วยสร้างแป้งและน้ำตาลให้พืช พืชมีใบหนา ใบใหญ่เขียวเข้มสมบูรณ์
-ช่วยเติมสารอาหารแบบเร่งด่วนยามที่พืชอ่อนแอ เมื่อสังเคราะห์แสงได้ไม่เต็มที่
-ช่วยเปิดตาดอก เร่งแทงช่อดอก ให้ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น
-ช่วยเร่งดอก ออกดอกดก ช่วยให้ช่อดอกยืดยาว ช่อดอกอวบอ้วนสมบูรณ์
-ช่วยผสมเกสร ให้ติดผลดี ติดผลดก ช่วยให้ขั้วเหนียว ลดการหลุดร่วง
-ติดผลดก ไม่หลุดร่วงง่าย ขยายขนาดผล เร่งผลโต อย่างสม่ำเสมอ
-ช่วยสร้างเปลือกให้หนา ยืดหยุ่นดี ไม่มีเปลือกแตกง่าย
-ช่วยให้พืชทนทานต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน แห้งแล้ง
-ช่วยให้พืชแข็งแรง ทนทานต่อการเข้าทำลายของโรค แมลง
.
อัตราใช้ 20 ซีซี + 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเป็นละอองให้ทั่วทั้งต้น
.
สำหรับ ไม้ผล ผลไม้และพืชออกดอกติดผล ที่มีการออกดอก ออกดอกดี ดอกดก เราจะมีแค่หลักๆ 2 ตัวนี้นะคะ ที่เราเน้นคือ ORG-1, ORG-2 เพราะเราจะเน้นการสะสมพลังงานให้มากพอจนล้นออกมา เพราะว่าพืชต้องการและจำเป็น เพื่อพืชเองก็จะออกดอกได้ดี
.
.
http://www.paccapon.blogspot.com/2015/…/1-org-1-2-org-2.html ORG-1+ORG-2
http://paccapon.blogspot.com/2016/08/c6h12o6.html การสังเคราะห์กลูโคส

======

กดลิงก์ด้านล่าง แล้วเพิ่มเป็นเพื่อน เพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ครับ
https://lin.ee/nTqrAvO




คนก็ยัง.."เครียด"
แล้วจะไม่ให้ "พืชเครียด" ได้ อย่างไรกัน?

คนเครียด
โรคร้ายต่างๆ ก็ตามมาทั้ง
- ความหวาน
- ความดัน
- นอนไม่หลับ
- เบื่ออาหาร
- ทานอะไรไม่ลง
- ร่างกายซูบผอม ตรอมใจ

แต่..คนยังดี
ที่หาวิธีช่วยเหลือตัวเองได้

แล้ว..ถ้าพืชเครียดหล่ะ !!
จะทำอย่างไรกันดี
มาดูสาเหตุและวิธีแก้ไขกันหน่อยดีไหม?

ความเครียดของพืช: 
.
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ทำให้พืชเกิดความเครียด และพืชจะมีกลไกทั้งทางชีวภาพและชีวเคมีในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม กลไกในการตอบสนองของพืชนี้อาจจะนำไปสู่ความเสียหายกับพืช โดยส่งผลกับการเจริญเติบโตของพืชได้ ไม่ว่าจะเครียดจากสภาพดินฟ้าอากาศ เช่น ปริมาณน้ำ, แสงแดด, ค่าความเค็ม, ค่าPH, ระดับอุณหภูมิสูง-ต่ำ, ปริมาณโลหะหนัก, ปริมาณธาตุอาหาร, และ มลภาวะต่างๆ หรือ ความเครียดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเสียหายของต้นพืช, การเป็นพิษที่ได้รับจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืช, การโดนเชื้อโรค โดนหนอนหรือแมลงเข้าทำร้ายต้นพืช อาจส่งผลต่อวงจรชีวิตของพืชได้ เช่น การแตกใบอ่อน การออกดอก การติดผล การสุกของผล เป็นต้น)
.
"ความเครียด" เหล่านี้อาจส่งผลให้การเติบโตและการสังเคราะห์โปรตีนของพืชลดลง เป็นผลต่อให้ปริมาณแอมโนเนีย (NH4) สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เป็นพิษกับพืช การฉีดพ่น "อะมิโน แอซิด" เข้าไปจะช่วยให้เกิดการสังเคราะห์โปรตีนในพืช ช่วยลดความเป็นพิษจากแอมโมเนียลง
.
การใช้ในช่วงวิกฤติจะช่วยให้ "อะมิโน แอซิด" ที่ให้กับพืช พืชจะได้รับอย่างมีรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่พืชเครียดลงได้ และลดผลลบจากภาวะเครียดลงไปด้วยเช่นกัน
.


ORG-1 & ORG-2 :
.
มีอะไรที่สำคัญๆให้พืช
.
• Amino acid
• Carbohydrate as Monosaccharides
• Malate Compound
• Glutamate Compound
• Fluvic acid
• Calcium-Boron (CaB) Chelate
• Magnesium chelate
• Potassium (K)
• Nitrogen as N-NO3 form
.
ORG-1 : มีสาร Malate Compound ซึ่งเป็นสาร Precursor (สารตั้งต้น) ที่สำคัญในกระบวนการ Metabolism และมี โปรตีนทางด่วน "ในรูป Amino acid Chelate หลายชนิดที่สำคัญที่พืชต้องการ , มี Glutamate Compound ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการออกดอกของพืช และยังมีสารสำคัญอีกหลายชนิดที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น Magnesium Chelate ( Mg), Calcium-Boron Chelate (CaB) , Nitrogen as NO3 และธาตุอาหารหลักบางตัว อาทิ Potassium (K) เป็นต้น ใช้ได้ดีกับทุกช่วงการเจริญเติบโตของพืช เหมาะสำหรับช่วงสะสมอาหาร เร่งใบแก่ เพิ่มคาร์โบไฮเดรต(แป้งและน้ำตาล) ให้พร้อมเต็มที่เพื่อการออกออก ช่วยเพิ่มอาหารยามพืชอ่อนแอหรือสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารเองได้ไม่เต็มที่ในช่วงแล้งจัด หนาวจัด หรือช่วงอากาศแปรปรวน ฟ้าปิดแสงแดดน้อย ที่สำคัญช่วยเพิ่มอาหารยามที่พืชต้องการในระยะแทงช่อดอกให้ช่อดอกแข็งแรง แทงช่อดอกออกมาได้ดี ช่อใหญ่สมบูรณ์ เพิ่มแป้งน้ำตาลเมื่อพืชต้องการขยายขนาดผลเพิ่มน้ำหนัก ช่วยเร่งความหวาน เพิ่มขนาด และสีผลเข้มสวย ทำให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี สร้างภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง
.
ORG-2 : พลังงานทางด่วนพิเศษ สำหรับพืชและมีคาร์โบไฮเดรตในรูปน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharides) ที่เป็นพลังงานชั้นสูงในรูป "น้ำตาลทางลัด" ที่พืชต้องการ เป็นชนิดโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อการสะสมอาหารให้แก่พืชแบบรวดเร็วทันที และยังมี Fulvic acid ที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายและขนส่ง (Transporter) ประจุของธาตุอาหารต่างๆไปยังทุกส่วนของพืช
.
4 ช่วงที่สำคัญ สำหรับพืชที่ต้องการใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก
1. ช่วงแตกใบอ่อน
2. ช่วงการออกดอก
3. ช่วงการติดผล
4. ช่วงการเร่งคุณภาพ อาทิ เร่งความหวาน เร่งสี
ช่วยเพิ่มพลังงานให้พืชทันทีโดยไม่ต้องผ่านขบวนการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) ก่อนพืชออกดอกต้องการใช้พลังงานมากกว่าปรกติ เพราะต้องมีการสะสมอาหารเพื่อการออกดอก พืชเองจึงจำเป็นต้องได้รับพลังงานทางด่วน มี
"อะมิโน แอซิค" ในรูปที่พืชสังเคราะห์ได้เองตามธรรมชาติ จึงใช้เป็นอาหารสะสมให้พืชทันที ช่วยเพิ่มการติดผล ช่วยทำให้พืชที่มีผลและผลไม้มีรสชาติดี เร่งหวาน เร่งสี


วิธีการใช้ อัตราผสม 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน
1. ช่วงฟื้นฟูต้นหลังเก็บเกี่ยวและแตกใบอ่อน : ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง เพื่อการแตกใบอ่อน 1 ชุด
2. ช่วงก่อนการออกดอก (ช่วงสะสมอาหาร) : ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง เพื่อสะสมอาหารให้มากพอต่อการออกดอก
3. ช่วงการติดผลอ่อน : ฉีดพ่น2-3 ครั้ง เพื่อเร่งการพัฒนาของผลอ่อนและลดการหลุดร่วงของผลอ่อน และฉีดพ่นต่อไปอีก 2-3 ครั้ง ในช่วงที่ต้องการขยายผลและเพิ่มน้ำหนักอีกทั้งยังป้องกันผลแตกและผลร่วง เนื่องจากขาดอาหารและขนาดพลังงาน
4. ช่วงการเร่งคุณภาพ (เร่งความหวาน) : ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยให้ผลโตอย่างรวดเร็วและช่วยเพิ่มการพัฒนาผลให้มีคุณภาพ



ORG-1 และ ORG-2 มีลักษณะเป็นโมเลกุลที่พืชดูดซึมได้ง่าย พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที สามารถใช้ได้ดีทั้งแบบฉีดพ่นทางใบ ผสมน้ำราดดินรากสามารถดูดซึมได้ หรือให้ไปกับระบบน้ำ พืชสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วทั้งทางใบและทางราก
.
#คุณประโยชน์ :
-ช่วยการเจริญเติบโตทุกส่วนของพืชของพืช ช่วยฟื้นฟูสภาพต้นหลังการเก็บเกี่ยว หรือแก้อาการต้นโทรม
-ช่วยให้พืชแตกใบใหม่ได้พร้อมๆกันทั้งลำต้น ยอด และใบที่สมบูรณ์
-ช่วยสะสมอาหาร ช่วยสร้างแป้งและน้ำตาลให้พืช พืชมีใบหนา ใบใหญ่เขียวเข้มสมบูรณ์
-ช่วยเติมสารอาหารแบบเร่งด่วนยามที่พืชอ่อนแอ เมื่อสังเคราะห์แสงได้ไม่เต็มที่
-ช่วยเปิดตาดอก เร่งแทงช่อดอก ให้ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น
-ช่วยเร่งดอก ออกดอกดก ช่วยให้ช่อดอกยืดยาว ช่อดอกอวบอ้วนสมบูรณ์
-ช่วยผสมเกสร ให้ติดผลดี ติดผลดก ช่วยให้ขั้วเหนียว ลดการหลุดร่วง
-ติดผลดก ไม่หลุดร่วงง่าย ขยายขนาดผล เร่งผลโต อย่างสม่ำเสมอ
-ช่วยสร้างเปลือกให้หนา ยืดหยุ่นดี ไม่มีเปลือกแตกง่าย
-ช่วยให้พืชทนทานต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน แห้งแล้ง
-ช่วยให้พืชแข็งแรง ทนทานต่อการเข้าทำลายของโรค แมลง
.
อัตราใช้ 20 ซีซี + 20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นเป็นละอองให้ทั่วทั้งต้น
.
สำหรับ ไม้ผล ผลไม้และพืชออกดอกติดผล ที่มีการออกดอก ออกดอกดี ดอกดก เราจะมีแค่หลักๆ 2 ตัวนี้นะคะ ที่เราเน้นคือ ORG-1, ORG-2 เพราะเราจะเน้นการสะสมพลังงานให้มากพอจนล้นออกมา เพราะว่าพืชต้องการและจำเป็น เพื่อพืชเองก็จะออกดอกได้ดี


http://paccapon.blogspot.com/2015/08/blog-post_3.html    อะมิโน แอซิด
http://www.paccapon.blogspot.com/2015/…/1-org-1-2-org-2.html    ORG-1+ORG-2
http://paccapon.blogspot.com/2016/08/c6h12o6.html   การสังเคราะห์กลูโคส


พืชที่ขาดอะมิโนเอซิค จะไม่สามารถรับหรือดูดซึมอาหารไปใช้ได้ จะทำให้ต้นโทรมไปเรื่อยๆ ดังเช่นในกล้วยไม้ที่ ทิ้งใบไปเรื่อยๆ

• กรดอะมิโน ( Amino acid)
การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ จะต้องมีองค์ประกอบของอินทรียสารที่เรียกว่าโปรตีน (Proteins) ในสารโปรตีนนี้ ประกอบด้วย โมเลกุลของสารย่อยต่างๆ มาต่อเรียงกันเป็บลูกโซ่ และสารย่อยๆ เหล่านั้น เรียกว่า อะมิโน แอซิด หรือ กรดอะมิโน (Amino acids) กล่าวอีกนัยหนึ่ง กรดอะมิโน ก็คือ ต้นกำเนิด ของ สารโปรตีน นั่นเอง ดังนั้น กรดอะมิโน จึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและสร้างความแข็งแรงต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า กรดอะมิโน มีอยู่ 20 ชนิด และแต่ละชนิด มีคุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกันไป ต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์

• กรดอะมิโน (Amono acid) กับ การเกษตร
พืชสามารถสร้างกรดอะมิโนขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ด้วยการใช้แร่ธาตุต่างๆที่ได้จากดิน จากน้ำ และ ที่มีอยู่ในอากาศ แต่ก็มักมีข้อจำกัดตามธรรมชาติที่พืชไม่สามารถสร้าง กรดอะมิโน ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ทำให้ในบางสภาวะ พืชขาดกรดอะมิโน จนทำให้พืชไม่สมบูรณ์ หรือ ออกดอก ออกผลได้ไม่มากหรือผลผลิตไม่สมบูรณ์ดีมีคุณภาพ ดังนั้น ด้วยความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ทางการเกษตร จึงได้มีการนำเอา กรดอะมิโน สำเร็จรูป มาใช้ในการเกษตร เพื่อให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย ไม่ต้องผ่านขบวนการทางชีวเคมีที่พืชต้องสร้างขึ้นเอง เสมือนหนึ่งเป็นอาหารเสริมบำรุงพืช (Plant growth promoter) เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตและช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพที่สมบูรณ์

กรดอะมิโน (Amino acid)
มีคุณสมบัติในการทำหน้าที่ต่อต้นพืช ดังต่อไปนี้
• ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนให้กับต้นพืช
• ช่วยลดความเครียดของต้นพืช ที่เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสม เช่น อากาศร้อน น้ำมากเกินไป ขาดน้ำ
ความหนาวเย็น
• ช่วยในการสังเคราะห์แสงของต้นพืช
• ช่วยในการบังคับการ ปิด-เปิด ปากใบ ของพืช เพื่อลดการสูญเสียน้ำในต้นพืช
• ช่วยกระตุ้นการทำงานของ ฮอร์โมนพืช เช่น อ๊อกซิน (auxins) เอทิลีน (ethylene)
• ช่วยส่งเสริมการผสมละอองเกสรและการติดผล
• ช่วยทำให้ผนังเซลล์ของเนื้อเยื่อพืชแข็งแรง ทำให้ผลไม้มีคุณภาพและสุกตามอายุ



• กรดอะมิโน สำหรับพืช :
พืชจะสร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นขึ้นมาจากองค์ประกอบพื้นฐานซึ่งคือ คาร์บอน, ออกซิเจน, ไฮโดรเจน, และไนโตรเจน เริ่มแรกนั้นพืชจะนาคาร์บอนและออกซิเจนที่ได้จากอากาศมาผสมกับไฮโดรเจนที่ได้จากน้าในดิน สิ่งที่ได้เรียกว่า Carbon Hydrate กระบวนการนี้เรียกว่าการสังเคราะห์ด้วยแสง จากนั้น Carbon Hydrate ที่ว่านี้จะถูกนำไปผสมกับไนโตรเจนที่พืชดูดซึมมาจากดิน สิ่งที่ได้ก็คือ “กรดอะมิโน ชนิด L” การที่พืชได้รับกรดอะมิโนในปริมาณที่พอเหมาะเป็นที่รู้กันว่าจะนำไปสู่ปริมาณ และคุณภาพของผลผลิตที่มากขึ้น แต่ก็มักมีข้อจำกัดตามธรรมชาติที่พืชไม่สามารถสร้าง กรดอะมิโน ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ทำให้ในบางสภาวะ พืชขาดกรดอะมิโน จนทำให้พืชไม่สมบูรณ์ หรือ ออกดอก ออกผลได้ไม่มากพอ หรือผลผลิตไม่สมบูรณ์ ไม่ดีและไม่มีคุณภาพ เราจึงอยากแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการนำกรดอะมิโน หรือกรดอะมิโนสำเร็จรูป มาใช้ในการเกษตร เพื่อให้พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย ไม่ต้องผ่านขบวนการทางชีวเคมีที่พืชต้องสร้างขึ้นเอง เสมือนหนึ่งเป็นสารบำรุงพืช (Plant growth promoter) เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตและช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพที่สมบูรณ์








======
📝inbox สอบถามปรึกษาก่อนได้นะครับ
☎️:084 - 8809595 , 084-3696633
📲Line id :@organellelife.com (พิมพ์ @ด้วยนะครับ)
หรือกดลิงก์ด้านล่าง แล้วเพิ่มเป็นเพื่อน เพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ครับ 

https://lin.ee/nTqrAvO
.
**รับตัวแทนจำหน่าย VIP ทั่วประเทศ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น