FB

fbq('track', 'ViewContent');

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทฤษฎี 2 สูง 1 ต่ำ : ทางรอด..เกษตรไทย ผลผลิตสูง คุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ

งานสัมมนาชาวไร่ยาสูบ ประจำปี ของสถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อ.ปัว จ.น่าน  29 กันยายน 2556




การเพาะกล้ายาสูบยุคใหม่ในระบบ"Semi-Floating"(กึ่งลอยน้ำ ในกะบะเพาะ) ซึ่งทำเป็นกะบะซีเมนต์ ใช้วัสดุเพาะชั้นดี
( Peat Moss Media) ในถาดพลาสติกและนำไปแช่น้ำในกะบะเพาะ สิ่งที่สำคัญคือปัญหาเรื่องรากเน่า โคนเน่ากล้า และปัญหาโรคจากเชื้อไวรัส(ใบหด ใบด่าง) และปัญหายอดเน่าเวลา Clipping ใบ ตลอดจนปัญหาตะไคร่น้ำ และระบบรากไม่ดี (ที่อยู่ในกะบะซีเมนต์แช่น้ำ) แต่ปัญหาทุกอย่างหมดไป เพราะใช้กระบวนการที่ผ่านผลิตภัณฑ์ของวันเดอร์แลนด์ By ออร์กาเนลไลฟ์ สำคัญคือมีความปลอดภัย ไร้สารพิษและพิชิตปัญหาโรคต่างๆได้อย่างเด็ดขาด กล้าใช้ได้ 100% ปลอดโรค ปลอดภัยจนไปถึงในไร่ปลูก ไม่มีติดเชื้อ
มั่นใจ..นวัตกรรมและองค์ความรู้ มั่นใจ..ออร์กาเนลไลฟ์
30 ปี กับการคลุกคลีอยุ่กับยาสูบและพืชต่างๆ


เกษตรกรบอกว่า.."ขาด 2 ตัวนี้ไม่ได้จริงๆเลย"
สำหรับ พริก ,มะเขือเทศ ,ยาสูบ อำเภอท่าบ่อ และอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย




มีใครพอทราบไหมครับว่า..เป็นอะไร? บอกให้ก็ได้ " ไม่ใช่..โรค"




ภาพที่เห็นเป็นไร่ยาสูบที่จังหวัดน่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์วันเดอร์แลนด์ครบเกือบทุกตัว (ครบวงจร 360องศา) ในรุ่นปลูกเดือนต้นกุมภาพันธ์ รุ่นนี้ยังไม่ค่อยมีใครปลูกเพราะว่าที่ผ่านมาถือว่าเป็นฤดูกาลที่ไม่เหมาะสม แต่ด้วยวิทยาการใหม่ ทุกอย่างจึงสำเร็จไปด้วยดี ด้วยองค์ความรู้คู่ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ทางชีวเคมี



มั่นใจพืช มั่นใจเรา   มั่นใจยาสูบ  มั่นใจเรา
นึกถึงราก  นึกถึงเรา  ออร์กาเนลไลฟ์
ทุกอย่างไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาด้วยกระบวนการทำงานทางวิทยาศาสตร์ของพืช



ออกตรวจแปลงปลูกยาสูบ รุ่นปลูกเดือน พฤศจิกายน 2557
ของสถานีบ่มใบยาสูบบ้านเหล่า อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อ 21กุมภาพันธ์ 2557
ทุกอย่างเรียบร้อยถูกต้อง สมบูรณ์แบบตามทฤษฎีของออร์กาเนลไลฟ์
ใบยาเหมือนกันเกือบทุกใบ ต้นยาสูบเหมือนกันเกือบทุกต้นและทุกไร่
ไม่มีส่วนเสียหายจากโรคและแมลง คุณภาพดี ผลผลิตสูง
ชาวไร่เลยรับทรัพย์กันกระเป๋าตุง รับทรัพย์กันจนหน้าบานไปแล้ว โดยไม่ต้องไปร้องขอให้รัฐบาลมาช่วยรับจำนำและได้กำแต่ใบประทวนกันไว้




เห็นแล้วปลื้มแทนเกษตรกรจริงๆ "ใหญ่ ยาว หนา แน่น หนัก ดี" ด้วย สารที่สำคัญและจำเป็นในกระบวนการทำงานทางชีวเคมี(Biochemistry) ต่างๆของพืช ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการ"Revitalization"
กระบวนการ"Precursorization"
กระบวนการ"Lateral Growth"
กระบวนการ"ISR, SAR" เป็นต้น   ออร์กาเนลไลฟ์: เราดูแลทุกกระบวนการต่างๆภายในพืช อย่างผู้รู้ใจพืช จริงๆ




แวะมาดูการรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกร ที่สถานีบ่มใยาบ้านเหล่า อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์จากออร์กาเนลไลฟ์ครบ 360 องศากับยาสูบของพวกเขา และมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในปีนี้อีกมากมาย ซึ่งหลายๆปีที่ผ่านมา แทบจะทุกปีก็ว่าดีแล้ว แต่ปีนี้ยิ่งดีกว่าหลายสิบเท่า เพราะปีนี้ต้นยาสูบโชคดีได้รับสารเพื่อกระบวนการ"Revitalization" เข้าไป เลย"สดใส ใบใหญ่ ใบยาว ใบหนา เนื้อใบยาแน่น มีน้ำหนักมาก เนื้อสม่ำเสมอ สีดี สุกแก่ดี สีสวย ไม่มีส่วนสูญเสีย และมีคุณภาพใบยาดีเยี่ยมเป็นเลิศ" เกษตรกรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใบหน้าสดใส เพราะเห็นกำไรชัดๆ เห็นหลายๆคนบอกว่าปีหน้าต้องเตรียมหาพื้นที่ปลูกเพิ่มอีก(ทั้งๆที่ของปีนี้ยังขายไม่หมด แต่พวกเขาก็เตรียมการจะขยายพื้นที่ปลูกปีหน้ากันแล้ว) เพราะถ้าได้อย่างปีนี้มีแต่รวย รวย รวย ยินดีด้วยครับกับทุกๆคน



ยาสูบเมื่อถึงวัยจะเข้าสู่ระยะ"เจริญพันธุ์"(Reproductive Stage) ประมาณ อายุ 65-75 วันแล้วแต่สายพันธุ์และช่วงฤดูปลูก หรือเมื่อเห็นว่ายาสูบกำลังจะดอก เริ่มเห็นคอดอก เราก็จะลงมือ"ตอน"มันทันที โดยการเด็ดยอดที่กำลังมีดอกอยู่ออกทิ้ง ให้เด็ดในขณะที่ดอกยังตูมอยู่ตรงบริเวณคอดอก หลังจากตอนยอดแล้วธาตุอาหารจะไม่ถูกส่งไปเลี้ยงที่ดอกแล้วเพราะดอกถูกเด็ดทิ้งไปแล้ว แต่ธาตุอาหารที่ดูดกินขึ้นมาจะถูกส่งไปเลี้ยงที่ใบส่วนที่ยังมีอยู่ในลำต้นทุกใบ ใบก็จะใหญ่ จะหนาขึ้นมา ใบจะยืดยาวออกมาจนแตะกันระหว่างแถว และมีน้ำหนัก ยิ่งตอนนี้เรามี"ตัวช่วย" ที่เป็นผลิตภัณฑ์แห่งสารสำคัญที่พืชต้องการ ที่จะทำให้ลำต้นยาสูบไม่สูงเพราะมีข้อห่างระหว่างใบห่างเกินไปและลำต้นเรียวเล็กเพราะมีการเจริญเติบโตทางด้านElongation Growth มากเกินไป แต่เราจะเปลี่ยนให้มันมาเจริญเติบโตทางด้าน Lateral Growth แทนมากขึ้น อันจะทำให้ลำต้นยาสูบอวบใหญ่แข็งแรง มีท่ออาหารมากขึ้น ต้นไม่สูงเรียว และหักล้มง่ายเพราะข้อระหว่างใบจะสั้นลง ทำให้ทรงพุ่มใบแผ่กระจาย ใบจะยืดยาวออกไปมากขึ้น ใบจะหนาขึ้น ฟกขึ้นตั้งแต่ยาสูบอายุเพียงแค่ 30-45 วันเท่านั้น เพราะอาหารจะไม่ต้องถูกส่งไปเลี้ยงในส่วนการเจริญเติบโตอื่นๆที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ มหัศจรรย์ไหมหล่ะครับ กับ"นวัตกรรมการเพาะปลูกพืช" โดยออร์กาเนลไลฟ์
"เราไม่ได้ขาย แค่สินค้า แต่..เราขาย นวัตกรรมการเพาะปลูกพืช"


เจอพายุฝนหลงฤดูกระหน่ำ ทำเอาล้มกันระเนระนาด
ผลผลิตอาจขาดหายไป แต่ไม่ต้องตกใจ!!
เพราะปีนี้เรามีทางออกให้เกษตรกรชาวสวนยาสูบแล้ว
เราจะ"ทำสาว"ให้กับเขา
ด้วยเทคโนโลยี่และองค์ความรู้ ของเรา ที่เรามี
เราจะ"รีไวทอลไลเซชั่น"(Revitalization) นั่นคือ..
"การทำชีวิตใหม่"ให้กับยาสูบ
 ออร์กาเนลไลฟ์..
ทำสิ่งที่"เป็นไปไม่ได้" ให้เป็นสิ่งที่"เป็นไปได้"
Impossible is not a fact...It's an opinion
Impossible is temporary...It's our potential
คำว่า"เป็นไปไม่ได้" เป็นแรงผลักดัน ให้"ออร์กาเนลไลฟ์" พยายามมากขึ้น
คำว่า"เป็นไปไม่ได้" ทำให้"ออร์กาเนลไลฟ์" สร้างนวัตกรรม ที่แตกต่าง
และที่สำคัญ..สำหรับเรา"ออร์กาเนไลฟ์"...
คำว่า"เป็นไปไม่ได้" กลับสร้าง"ศักยภาพ"สินค้าที่ยิ่งใหญ่ให้กับเรา




เห็นแล้วชื่นใจ...
ยาสูบวัยกำลังกินกำลังนอน(อายุ45 วัน)
เห็นยาสูบในไร่แบบนี้ ก็อดมีความสุขแทนเกษตรกรเจ้าของไร่ยาสูบไร่นี้ไม่ได้จริงๆเลย
"งามสม่ำเสมอ ทรงพุ่มใหญ่ ใบหนา ข้อถี่ ไม่มีโรครบกวน เนื้อดีสีดีมีคุณภาพ
ไม่มีส่วนที่เสียหาย ขายได้เกรดสูงเกือบทั้งต้น
สุดยอดจริงๆครับ






ยาสูบพันธุ์ใหม่..พันธุ์"เลื้อยได้ "
วันนี้(20ธค56) เข้าไปตรวจไร่ปลูกยาสูบ หลังจากเจอมหันตภัยพายุฝนหลงฤดูพัดกระหน่ำทำความเสียหาย ไปเมื่อคืนวันที่ 14 ธค 56 ที่ผ่านมา พบว่ามียาสูบพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น เป็น"พันธุ์เลื้อย"ได้ เพราะต้นมันล้มระเนระนาดและชาวไร่เจ้าของสวนยาสูบไปเอามันตั้งขึ้นและใช้ไม้ค้ำไม่ทัน มันเลยเลื้อยอยู่ที่พื้น เสียหายมากมายอย่างน่าเสียดาย และสงสารเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรพูดกันเป็นเสียงเดียวเลยนว่า"ถ้าไม่โดนพายุครั้งนี้ ยาสูบของปีนี้เติบโตดี เขาคิดว่าเป็นปีทองในรอบ 30 ปีของพวกเขาเลยทีเดียว ที่การเจริญเติบโตของยาสูบปีนี้สมบูรณ์มากหลังจากที่ปีนี้ทางโรงบ่มที่ส่งเสริม เขาได้ปรับปรุง"กระบวนการผลิตและปฏิบัติดูแลยุคใหม่"เอามาให้เกษตรกรในปีนี้ ให้เป็นปีของทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"แบบครบ 360 องศา ของออร์กาเนลไลฟ์ จึงทำให้ต้นยาสูบ "ลำต้นอวบใหญ่ ใบหนาฟกตั้งแต่ใบแรกของยาตีนจนถึงใบยายอดทั้งๆที่ยังไม่ได้ตอนยอด ใบใหญ่และยาวขึ้น ข้อระหว่างใบสั้นลง(Lateral Growth) ทำให้ลำต้นไม่สูง ทุกต้นสม่ำเสมอ ไม่มีโรคใดๆรบกวน ไม่ว่าจะเป็นใบหด ใบด่างจากเชื้อไวรัส หรือตายผากและเหี่ยวเฉาจากเชื้อแบคทีเรีย" ซึ่งแตกต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างเด่นชัด เรียกว่าเตรียมรับทรัพย์มากกว่าปีที่ผ่านมาได้เลย
แต่สุดท้ายสิ่งที่เราเอาชนะไม่ได้คือ"ภัยธรรมชาติ"
"สู้ สู้..ต่อไป" ขอเป็นกำลังใจ นะครับ




เยี่ยมแปลงปลูกยาสูบที่โดนพายุฝนพัดเข้าทำลายจนเสียหาย แต่ตอนนี้แก้ไขไปได้กว่า 80% แล้วครับ..ผ่าน(สถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อำเภอปัว จังหวัดน่าน 19 ธค 56)




เมื่อ"พืชวันสั้น"(Short day Period) เจอช่วงกลางวันที่มี"ระยะเวลาของแสงที่สั้น"จะทำอย่างไร?
ในฤดูหนาวที่กลางวันมีเวลาแสงที่สั้นลง พระอาทิตย์ขึ้นช้า แต่ตกเร็ว พืชบางพืชต้องการระยะเวลาของแสงที่ยาวหลายๆชั่วโมงเพื่อการสังเคราะห์แสง(Photosynthesis) แต่แสงก็หมดลงเสียก่อน ทำให้เกิดปัญหาด้านการเจริญเติบโต พืชจะหยุดระยะ"Vegetative Stage"ลง และเปลี่ยนไปอยู่ในระยะ"Reproductive Stage" แทน ทำให้พืชหยุดเติบโตในการแตกยอดแตกใบ แต่จะเริ่มสะสมอาหารเพื่อการเจริญพันธุ์ ในกรณียาสูบ ซึ่งเป็น"พืชวันสั้น" เจอช่วงกลางวันสั้นมันก็จะเริ่มส่งคอดอกเร็ว จำนวนใบน้อยลง ผลผลิตก็อาจต่ำลงไปด้วย







เจอฤทธิ์ยาฆ่าหญ้าชนิดดูดซึมเข้าไป..  "ไปไม่เป็น"เลย...ยาสูบเรา
เกษตรกรมักง่าย ไม่ระมัดระวัง จึงเกิดความเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ
ต้องหาตัวช่วยมาแก้ไขต่อไปเรื่อยๆ
แพ้สารเคมีแบบนี้ถ้าเซลล์ตายอดยังไม่ตาย ก็พอจะแก้ไขได้ "BIO-JET" : สารกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช
ไบโอเจ็ท - ช่วยกระตุ้นให้พืชมีการแตกตาอย่างสม่ำเสมอ อาทิ ตายอด ตาดอก ตาใบ
ไบโอเจ็ท - ช่วยเพิ่มประมาณแห้ง น้ำตาล ฮอร์โมนต่างๆ ทำให้พืชฟื้นตัวเร็ว หลังจากเก็บเกี่ยว หรือ ฟื้นตัวเร็วหลังจากโดนน้ำแช่ขัง
ไบโอเจ็ท - ช่วยกระตุ้นให้พืชที่แคระแกรน เนื่องจากอากาศ ร้อนหรือหนาวเกินไป
ไบโอเจ็ท -แก้ไขปัญหาพืชที่แพ้สารเคมี อาทิ แพ้ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ให้ฟื้นตัวและมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น
ไบโอเจ็ท - สามารถใช้ผสมร่วมกับสารกำจัดศัตรูพืชได้หลายชนิด
ไบโอเจ็ท - พืชดูดซึมเข้าทางใบและรากได้ดี
ไบโอ-เจ็ท ประกอบด้วย
ฮอร์โมนต่างๆ - อ๊อกซิน (Auxin) , จิบเบลเรลริน (Gibberellin) , ไซโตไคนิน (Cytokinin)
น้ำตาลและกรดอินทรีย์ - แมนนิทอล (Mannitol), อัลจีนิค แอซิด (Alginic acid), ลามินาริน (Laminarin), น้ำตาลต่างๆ (Other sugar)
ธาตุอาหารหลัก - ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โปแตสเซียม (K)
ธาตุอาหารรอง - แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) กำมะถัน (S) มากกว่า
ธาตุอาหารเสริม - สังกะสี (Zn) ,เหล็ก (Fe), แมงกานีส (Mn) ,โบรอน (B), คอปเปอร์ (Cu)




"ล้มระเนระนาด"เจอพายุฝนหลงฤดูไปเมื่อค่ำคืนวันที่14ธค56 ที่ผ่านมา ซึ่งใครจะไปคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ทั้งๆที่เป็นฤดูหนาว
ถึงคราวเคราะห์เลยจริงๆเกษตรกร กำลังจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิต กำลังจะรับทรัพย์อยู่แล้วเชียว
แต่กลับ..เจอภัยพิบัติซัดเข้ามา
                นี่แหล่ะที่เขาบอกว่า.."ชะตาชีวิตเกษตรกร" ที่ต้องเจอไม่ว่า"ราคาผลผลิตตกต่ำ" ไม่อย่างงั้นก็ต้องเจอ"ภัยธรรมชาติกระหน่ำซ้ำเติม   แล้วคุณหล่ะ..จะกล้าทำร้ายเกษตรกร อีกเหรอ? 



ผ่านมา 40 วัน เห็นการเจริญเติบโตแล้วชื่นใจ และไม่มีโรคภัยและแมลงใดๆรบกวน เพราะให้"วัคซีนพืช" ชั้นดี(ซิกน่า,ซาร์คอน,และคาร์บ๊อกซิล พลัส) ของออร์กาเนลไลฟ์ จึงปลอดภัยและอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะได้เก็บเกี่ยวแล้ว(เก็บเกี่ยวประมาณวันที่ 10 ธันวาคม 2556)




อากาศเย็นจัด
อุณหภูมิลดต่ำลง มีหมอกหนา แสงแดดน้อย
ระวัง!!..
ยาสูบ.."แพ้อากาศ"(Weather Fleck)



ปฏิวัติพืช
ปฏิวัติ..รากพืช
ฤดูจ่ายกล้ายาสูบปี2556 เริ่มต้นขึ้นแล้ว(ตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2556) ทีสถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อำเภอปัว จังหวัดน่าน
เห็นรากยาสูบแล้วชื่นใจ  รบอย่างไงก็ชนะ
รากเยอะ หาอาหารเก่ง ผลผลิตสูง  คุณภาพดี





เห็นสภาพดินแบบนี้ แล้วอึดอัดใจและอดที่จะวิตกและกังวลใจไม่ได้เลย เจอสภาพดินแบบนี้ เห็นทีจะพัฒนาผลผลิตและคุณภาพให้สูงขึ้นได้ยาก และชาวสวนยาสูบก็นิยมเอาสภาพดินแบบนี้มาปลูกยาสูบ และเอาสภาพดินที่สมบูรณ์ไปทำอย่างอื่น ดินแบบนี้รากยาสูบจะอึดอัดและหายใจไม่ออก รากได้รับอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอ ดินเหนียว น้ำแช่ขัง ไม่ยอมระบาย รากหายใจได้ไม่ดี และไม่มีโอกาสดูดกินปุ๋ยที่ดี ต้องหาวิธีแก้ไข แก้ไขปัญหาดินแบบนี้มีทางเดียวนั่นก็คือ"แอนติ-ดินดาน"(Anti-Dindaan) เพราะงานเรื่องดินเหนียว ดินแน่น ดินดาน มันเป็นงานของเราจริงๆ ดินแบบนี้ไม่มีโอกาสสร้างผลผลิตเพราะมันติดที่รากเจริญเติบโตไม่ได้ แล้วจะเอารากจำนวนมากได้อย่างไร รากหายใจได้น้อย ดูดกินปุ๋ยได้น้อย เราก็อย่าหวังว่าจะพัฒนาผลผลิตที่ดีได้เลยพี่น้อง


เฮ้อ..เห็นภาพแบบนี้ มันอ่อนเพลียและละเหี่ยใจเสียเหลือเกิน กับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างนี้ ไม่อยากพบไม่อยากเห็นอีกต่อไปเลย ปัญหาโรคยาสูบแบบที่เห็นเหล่านี้จะสูญพันธุ์ไป เมื่อเราใช้"คาร์บ๊อกซิล-พลัส"ฉีดพ่นป้องกัน ใช้"อีเรเซอร์-1" ราดฆ่าเชื้อมันแบบเฉียบขาด "โรคเหี่ยวเฉาขยาด โรครากเน่าแขยง" ต้องคู่พิฆาตคู่นี้เท่านั้นจริงๆ ปลอดภัยเพราะไม่มีสารพิษ ชุบชีวิตต้นยาสูบได้มากกว่า 95% เราจะไม่พบเห็นต้นที่เป็นโรคเสียหายเหล่านี้อีกต่อไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกของยาสูบไทย ที่ต้องการผลผลิตต่อไร่ที่สูง เราต้องคำนึงถึงเรื่องความเสียหายจากโรคร้าย ต้องลดความเสียหายจากโรคร้ายให้จงได้ จึงจะมั่นใจว่าผลผลิตต่อไร่ 4,000-5,000 กิโลกรัมต่อไร่ ไม่ใช่ เรื่องยาก "ชาวสวนยาสูบทั่วโลกตะลึง อึ้งและทึ้ง เมื่อรู้ว่าโรคยาสูบรักษาได้แล้ว"จริง หนึ่งเดียวในโลกจริงๆ



ทางรอด ยาสูบไทย ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ (1) ผลผลิตสูง (2) คุณภาพสูง (3) ต้นทุนต่ำ แต่ในทางกลับกันถ้าเราหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง ย่อมเกิดปัญหาต่างๆอยู่ร่ำไป และถ้าปล่อยให้ยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้เกิดเป็นโรคต่างๆมากมาย เสียหายไร่ละหลายร้อยหลายพันต้น ผลผลิตเลยต่ำ ต้นทุนเลยสูง พอได้ผลผลิตต่ำ ก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าหรือว่าคนรับซื้อ เพื่อให้ได้ราคาสูงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากและลำบากเพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เราต้องหันกลับมาทำทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"ให้เกิดผลให้ได้ โดยที่"ผลผลิตต้องทำอย่างไรให้สูงถึง 90% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้( เป้าหมายผลผลิต 5,000 กิโลกรัม/ไร่) คุณภาพทำอย่างไรให้ได้เกรดสูงมากกว่า 95% และทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ โดยใช้ปัจจัยที่ใช่ และใช้ได้ผลตรงเป้าหมายและความต้องการของพืช อีกทั้งลดความเสียหายจากภัยต่างๆทั้งดินฟ้าอากาศ และโรค&แมลง ที่กล่าวมาเบื้องต้น "ออร์กาเนลไลฟ์" เรามีวิธี เพราะเรามีทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"และสินค้าในกระบวนการ"Revitalization"และกระบวนการ"SAR"และกระบวนการชีวเคมีต่างๆอีกมากมายภายในพืช และนี่คือ ทางออกหนึ่งซึ่งเกษตรกรอาจตามหามานานตลอดชีวิตก็เป็นได้ เราเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ ทฤษฎีและสินค้าของเรา จึงไม่มีการลองผิดลองถูกครับ


ทางรอด ยาสูบไทย ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ (1) ผลผลิตสูง (2) คุณภาพสูง (3) ต้นทุนต่ำ แต่ในทางกลับกันถ้าหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง ก็จะเกิดปัญหาอยู่ร่ำไป การปล่อยให้ต้นยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้มีโรคมากมาย เสียหายไร่ละหลายร้อยหลายพันต้น ผลผลิตเลยตกต่ำ ต้นทุนเลยสูง พอได้ผลผลิตต่ำ เราก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าหรือคนรับซื้อเพื่อให้ได้ราคาสูงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากเพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด เราต้องหันกลับมาทำทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"ให้เกิดผล "ออร์กาเนลไลฟ์" มีวิธี เพราะเรามีทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"และสินค้าในกระบวนการ"Revitalization"และกระบวนการ"SAR"และกระบวนการชีวเคมีต่างๆอีกมากมายในพืช และนี่คือ ทางออกหนึ่งซึ่งหลายคนอาจตามหามานาน เราเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ







                                                                  บทความพิเศษ
                                                    ทฤษฎี 2 สูง 1 ต่ำ : ทางรอด..เกษตรไทย
                                                           ผลผลิตสูง คุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ
            "ต้นทุนต่ำ" ไม่ใช่ความหมายเดียวกับคำว่า "ลดค่าใช้จ่าย" ให้ต่ำ มันมีความหมายที่แตกต่างกัน
ในทฤษฎี"2 สูง 1 ต่ำ" ของผม ผมจะไม่เน้นให้เกษตรกร "ลดค่าใช้จ่าย" ที่จำเป็นลงเพราะต้องการเพียงแค่จะประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะถ้าการ"ลดค่าใช้จ่าย"ที่จำเป็นลงแล้ว เกิดผลผลิตตกต่ำลงมา ก็คงไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น อย่างเช่น ถ้าลดการใช้ปุ๋ยลงไปไร่ละ 30 กิโลกรัม แต่ผลผลิตลดลงไป 15% แค่นี้ก็ไม่คุ้มแล้วครับ เพราะการลดปุ๋ยลงไป 30 กก.สมมุติลดเงินได้ 900 บาท( ปุ๋ยกิโลกรัมละ 30 บาท) แต่ผลผลิตลดลงไป 15% ซึ่งเท่ากับ 600 กิโลกรัม ( สมมุติคุณปลูกยาสูบ ได้ผลผลิตไร่ละ 4,000 กิโลกรัม ผลผลิตลดลงไป 15%  ก็เท่ากับว่าผลผลิตลดลงไป 600กิโลกรัม ) ถ้าผลผลิตรับซื้อกิโลกรัมละ 7 บาท รายได้ก็ลดลงไปเป็นเงินถึง 4,200 บาทเลยทีเดียว ซึ่งรายได้หายไปมากกว่าการลดค่าปุ๋ยลงไปซะอีก (เพราะค่าปุ๋ยลดลงไปแค่ 900 บาทเท่านั้นเอง)  สิ่งที่ควรมองและให้ความสำคัญมากกว่าคือคำว่า"ต้นทุนต่ำ" นั่นคือ..คุณอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายเข้าไปอีกไร่ละซัก 1,000 บาท (เป็นการเพิ่มต้นทุน) แต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นมา 20% หรือได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นมาประมาณ 800 กิโลกรัม จะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 5,600 บาท( ผลผลิตรับซื้อ กก.ละ 7 บาท  ลงทุน1,000 บาท แลกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น 5,600 บาท) นี่แหล่ะ..ที่เราเรียกว่าการทำ "ต้นทุน"ให้ต่ำลง (คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่ารายจ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น )  คุณอาจจะสามารถลดต้นทุนให้ต่ำจากการตัดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆลงได้เล็กน้อย แต่ผลกระทบอาจเกิดขึ้นกับผลผลิตและคุณภาพของผลผลิตที่อาจลดลงตามไปด้วยได้ และอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากมายถ้า"ค่าใช้จ่ายลด" แล้ว"ผลผลิตก็ลด"ตามลงไปด้วย  และสิ่งที่สำคัญที่ควรทำให้"ต้นทุนต่ำ" ก็มีเพียงการเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆในทุกๆด้านให้กับพืชเพิ่มขึ้น อาทิ เพิ่มประสิทธิภาพของปัจจัยการผลิตที่สำคัญต่างๆ(ให้สารสำคัญต่างๆที่จำเป็นสำหรับพืช  ปุ๋ยและธาตุอาหารเสริม ฮอร์โมนพืชฯลฯ) ที่ถูกต้องและเหมาะสมอย่างแม่นยำเข้าไป เพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต่างๆ อาทิ อะไรที่ฟุ่มเฟือยต้องบริหารจัดการใหม่ ข้อจำกัดการทำการเกษตรบางอย่างในการผลิตพืช ซึ่งในบางครั้งก็ตัวชี้เป็นชี้ตายนั่นก็คือ "ค่าจ้าง ค่าแรงงาน ต่างๆ" บางอย่าง พืชบางพืชไม่เหมาะกับการจ้างแรงงานทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะต้นทุนจะสูง เกษตรกรบางกลุ่มจะหลีกเลี่ยงการจ้างแรงงานโดยการใช้แรงงานต่างตอบแทนกัน(แลกเปลี่ยนแรงงานกัน) เพราะพืชนั้นๆไม่ได้มีมูลค่าของราคาและรายได้ตอบแทนที่สูง เผื่อไว้ให้สำหรับเป็นต้นทุนตรงนี้ ขืนทำอะไรก็ต้องจ้างแรงงานทั้งหมด ก็จะถูกค่าจ้างแรงงานกินหมด กลายเป็น"ต้นทุนใหญ่" ที่แบกรับไม่ไหวเหมือนกัน ในประเทศที่พัฒนาแล้วเขาเลยเผื่อส่วนรายจ่ายที่เป็นต้นทุนตรงนี้ไว้ สำหรับการใช้เครื่องมือเครื่องทุ่นแรงแทนแรงงานคนไป หลีกเลี่ยงการใช้แรงงานคน ไม่อย่างนั้นมีสิทธิค่าแรงงานเอาไปกินหมด ซึ่งไม่เหมาะกับบางพืชที่มีมูลค่าผลตอบแทนต่ำ เกษตรกรที่ชาญฉลาด(Smart Farmer)จะให้ความสำคัญกับการบริหารตรงนี้ให้ลงตัว ต้นทุนการใช้ปัจจัยต่างๆ ต้องประณีตและพิถีพิถัน แม่นยำ ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรคุ้มหรือไม่คุ้ม สังเคราะห์ปัญหาด้วยความแม่นยำ แล้วคุณจะเป็นผู้ชนะ จากข้อมูลที่แสดง ต้นทุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญของออร์กาเนลไลฟ์ ที่ใช้(ไม่ว่าจะวัคซีนพืช วัคซีนแมลง สารตั้งต้น(Precursor) และอื่นๆ) ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ไร่ละ 1,500 กว่าบาท ต้องดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ กับผลตอบแทนทางด้านผลผลิตและคุณภาพที่ได้รับถ้าไม่คุ้มก็ตัดบางส่วนออกไป แต่จะตัดตัวไหนตัดสินใจดีๆ ตัดสินใจให้แม่นๆ ที่ว่ามันจะไม่กระทบต่อผลผลิตและคุณภาพด้วย เพราะว่าปัญหาต้นทุนที่สูงมันอาจจะไม่ใช่เพราะจ่ายค่าผลิตภัณฑ์จากสินค้าออร์กาเนลไลฟ์ ก็ได้ มันอาจจะจะมาจากปัจจัยอื่นๆที่เราควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะดินฟ้าอากาศ หรือสภาพดินที่ปลูกเป็นต้น เพราะปัญหาบางอย่าง ถ้าตัดสินใจผิดพลาดปัญหามันจะยิ่งแย่กันไปใหญ่  ทุกอย่างจึงเป็นที่มาของ"องคาพยพ" ของคำว่า"เกษตรกรรม" ที่จะทำให้รวยก็ได้ ทำให้จนก็ได้ แต่เมื่อเจอปัญหา อย่า!!..พากัน"หลงทาง" ต้องวิเคราะห์ปัญหาด้วยปัญญาอย่างแท้จริง อย่างแม่นยำ เกษตรกรรมก็ยังจะทำให้คนเรามีโอกาสมีรายได้ที่ดีและมั่นคงได้อย่างแน่นอน
ยกตัวอย่าง: ทางรอด ยาสูบไทย ที่ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ
(1) ผลผลิตสูง         (2) คุณภาพสูง         (3) ต้นทุนต่ำ
แต่ในทางกลับกันถ้าเราหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง ย่อมเกิดความมืดมนตามมา กับปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป และถ้าปล่อยให้ยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้เกิดเป็นโรคต่างๆมากมาย เสียหายหลายร้อยหลายพันต้นต่อไร่ ทำให้ผลผลิตตกต่ำ หนำซ้ำคุณภาพยังต่ำลงอีกด้วย เลยพากันทำให้ "ต้นทุนสูง" กันไปใหญ่ และพอได้ผลผลิตต่ำ คุณภาพต่ำ ราคาก็ตกต่ำตามมา หาที่ขายก็ลำบาก จึงต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าเพื่อต่อรองราคาที่รับซื้อ เพื่อให้ได้ราคารับซื้อที่สูงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากและลำบากมากเพราะเรากำหนดราคารับซื้อเองไม่ได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด สุดท้ายเราก็"ขาดทุน" เราจึงต้องหันมาให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการทำ "ทฤษฎี 2 สูง 1 ต่ำ" ให้เกิดผลมากที่สุด นั่นคือการทำให้ " ผลผลิตสูง คุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ"  โดยต้องทำอย่างไรให้ "ผลผลิตต้องทำให้ได้สูงถึง 90% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้( ตั้งเป้าหมายผลผลิตไว้ 5,000 กิโลกรัม/ไร่ ต้องทำให้ได้ถึง 4,500 กิโลกรัม/ไร่ ) ส่วนคุณภาพต้องทำอย่างไรถึงให้ได้เกรดสูงมากกว่า 90%  และทำอย่างไรถึงให้ต้นทุนต่ำ(ลงทุนไร่ละ 5,000บาท ได้ผลผลิตไร่ละ 5,000 กิโลกรัม ดีกว่าลงทุน 4,000 บาท แต่ได้ผลผลิตแค่ 3,000 กิโลกรัม ) แล้วจะทำอย่างไรดีก็โดยใช้กระบวนการที่ดี ใช้ปัจจัยที่"ใช่"  ตามที่พืชต้องการ อย่างรู้ใจพืช ว่าพืชต้องการอะไรในภาวะที่สิ่งแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไป ปัจจัยดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งปัจจัยต่างๆต้องการสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมนำมาใช้ให้เกิดผลตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งควรต้องให้ความสำคัญต่อการลดความเสียหายอันเกิดจากภัยต่างๆทั้งภัยจากดินฟ้าอากาศที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก และภัยจากโรค&แมลงต่างๆนานาที่ต่างพากันมาแบบหน้าใหม่ๆตลอดเวลาไม่รู้ว่าเป็นเชื้อโรคอะไรต่อมิอะไร ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันมันก็เกิดความเสียหายอย่างมโหฬาร
ยาสูบรุ่นปลูกเดือนตุลาคม2556  ที่ผ่านมามีการใช้ทฤษฎีวันเดอร์แลนด์ในการดูแลตั้งแต่เริ่มต้นปลูก ใช้"ซอยล์แอสท์" เป็นตัวปรับสภาพดินหว่านไถปลูก และการใช้"ซอยล์ไลฟ์" ซึ่งเป็นอินทรียวัตถุสกัดจากธรรมชาติชนิดเข้มข้นเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินปลูก เป็นการ"ฟื้นดินตาย ให้กลายเป็นดินเป็น" เป็นการให้"ออกซิเจน"ทางดิน  และการใช้อาหารพืช "กรีนอัพ" สูตร 5 พลัง เป็นปุ๋ยเสริมแต่งหน้า(Side Dressing) ซึ่งมีทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม โดยเฉพาะธาตุอาหารหลักไนโตรเจน(N) อยู่ในรูปไนเตรท(NO3) ซึ่งพืชดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีทันใด อีกทั้งยังมีฮอร์โมนพืชที่จำเป็น มีสารให้พลังงานน้ำตาลทางด่วน มีสารป้องกันโรคและแมลง มี อมิโน แอซิด(Amino acid)  ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อพืชที่ให้กับยาสูบทางดินอย่างมืออาชีพจากออร์กาเนลไลฟ์  ส่วนปุ๋ยรองพื้น ( Base Dressing) ใช้สูตร 8-12-24+6 MgO+ 0.5B นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทางดินแล้ว ส่วนอื่นก็เป็นไปตามทฤษฎี คือมีการให้"วัคซีนพืช" ตามกระบวนการ "SAR"(Systemic Acquire Resistance) นั่นคือ คือใช้  "ซาร์คอน" และ "คาร์บ๊อกซิล-พลัส เอ็กซ์ตร้า" เป็นวัคซีนป้องกันโรคและแมลงของยาสูบ ทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ไม่ว่าจะเป็นโรคใบด่าง ใบหด เตี้ยแคระ หรือโรคเหี่ยวเฉา โรคเน่าที่ราก เน่าที่โคน ก็จะหมดไปไม่เกิดขึ้นให้รำคาญหัวใจ  มีการให้สารที่เป็นประโยชน์ทั้งฮอร์โมนและสารSecondary Metabolites ที่สำคัญบางตัว มีการใช้ "ไบโอ-เจ็ท" กระตุ้นการแตกราก กระชากการแตกยอด แตกใบและมีการให้สาร Precursor(สารตั้งต้น) ที่ชื่อว่า "สารมาเลท" (Malate) นั่นคือ "พาร์ทเวย์ เพาเวอร์-5 " ที่เป็นสารสำคัญในกระบวนการชีวเคมีของยาสูบในการสร้างการเจริญเติบโตและสร้างสารสำคัญ อาทิ "นิโคติน" และสาร"อัลคาลอยด์" ต่างๆที่มีมากกว่า สิบๆชนิดในใบยาสูบอันเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างคุณภาพของใบยาสูบ จะเรียกว่าสวนยาสูบนี้เป็น "สวนยาสูบกึ่งอินทรีย์" ก็ไม่ผิดที่ผิดทางมากนัก เพราะเราพยายามจะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทุกชนิด ยกเว้นปุ๋ยเคมี(สูตร 8-12-24 และ 15-0-0 ) ที่ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะยังมีความจำเป็น แต่เราก็ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมันยังไม่มีทางออกและยังหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง เป้าหมายของการทำยาสูบยุคใหม่นี้ ที่ต้องให้มีผลผลิตไม่ต่ำกว่า 4,500-5,000 กก./ไร่( ปลูกไร่ละ 2,500 ต้น ให้ได้น้ำหนักต้นละ 2 กก.และทุกต้นต้องไม่เสียหายจากการทำลายของโรคและแมลงต่างๆและทุกต้นต้องเจริญเติบโตได้ดีไม่มีสะดุดและสมบูรณ์เหมือนกันทุกต้น) นี่คือสิ่งที่เรา ต้องทำให้ได้นั่นเอง  ยาสูบยุคใหม่จึงต้องใส่ใจ"องค์ความรู้" ใหม่ๆ "นวัตกรรม" ที่แม่นยำ ที่ไม่อยู่กับที่ หลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีผลร้ายต่อสุขภาพให้ได้มากที่สุด "สุขภาพล้ม คนล้ม" แล้วเราจะหารายได้ไปเพื่ออะไรกัน " พืชไม่ล้ม สุขภาพไม่ล้ม คนไม่ล้ม" ชีวิตก็ยืนยาว นี่คือ.. สิ่งที่พึงปรารถนาของมนุษย์เราทุกคน..ไม่ใช่หรือ
                                                                                                       ด้วยความปรารถนาดีจาก
                                                                                                    ภัคภณ (ธณกรภ์)    ศรีคล้าย
                                                                                  บริษัท ออร์กาเนลไลฟ์ (ประเทศไทย)  จำกัด
                                                                                                           www.paccapon.blogspot.com
                                                                                                           www.organellelife.com
                                                                                                      www.organellelife-vdo.com
www.facebook.com/organellelife.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น