จากภาวะวิกฤติโลกร้อน(Global Warming) โลกเปลี่ยนไป
ภาวะดินฟ้าอากาศเปลี่ยนไป สภาพพื้นดินเปลี่ยนไป การผลิตพืชยุคใหม่ จึงต้องใส่ใจในการนำ "องค์ความรู้" และ "นวัตกรรม" ใหม่เข้ามาใช้ให้เกิดผลสำเร็จในการผลิตพืชให้มี
ทั้งผลผลิตและคุณภาพที่สูง การแก้ปัญหาในการผลิตพืชจึงไม่ใช่วิธีการเยียวยา
...แบบที่ผ่านๆมา ซึ่งมันไม่ได้ผล มันต้องรู้ความต้องการที่แท้จริงของพืช
ว่าพืชมันต้องการอะไร แล้วจึงใส่สิ่งนั้นๆที่พืชต้องการเข้าไปในลักษณะเลียนแบบธรรมชาติที่พืชสร้างหรือผลิตได้เองแต่ปัจจุบันมันบกพร่อง
ไม่ใช่นึกจะใส่อะไรนึกจะเติมอะไรก็ใส่เข้าไปตามใจคนขายสินค้าไม่ได้แบบที่ผ่านมา
มันจึงพากันลงเหว จำไว้ต้องใส่ในสิ่งที่พืชต้องการอย่างรู้กลไกภายในของพืช
จึงจะประสบผลสำเร็จ ต้องคิดในมิติใหม่ เพราะต่อไปการเพิ่มผลผลิตต่อไร่จึงสำคัญยิ่ง
ปลูก 1 ไร่ให้ได้ผลผลิตเท่ากับ 2 ไร่แบบเก่าๆ
ไม่ใช่เอาแต่เพิ่มพื้นที่ปลูก หาพื้นที่ปลูกใหม่ๆไม่มีวันจบ
ต่อไปต้องลงทุนปัจจัยเพิ่มหลักพัน
เพื่อแลกกันกับผลผลิตและเงินที่จะเพิ่มขึ้นหลักหมื่น นี่แหล่ะคือสิ่งที่จะอยู่รอด
นี่แหล่ะคือสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ต้องทำให้ "WIN-WIN-WIN"
ชนะด้วยกันทั้งสามฝ่าย ไม่ใช่แค่ WIN-WIN(ชนะสองฝ่าย)
แล้วคือชนะแค่ พ่อค้าขายปัจจัยการผลิตปุ๋ย&ยา กับผู้ประกอบการส่งเสริมการปลูกไม่ได้แล้ว แต่ต้องชนะทั้ง 3 ฝ่ายคือ เกษตรกร ผู้ประกอบการ
และบริษัทเจ้าของปัจจัยการผลิตที่ดีที่มีองค์ความรู้และนวัตกรรมเท่านั้น
นวัตกรรมการผลิตยาสูบในยุคปัจจุบัน
ที่ต้องตามให้ทันกับองค์ความรู้ใหม่ที่ใส่ใจกับความต้องการของพืชที่แท้จริง
ในภาวะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในภาวะวิกฤติโลกร้อน(Global Warming) พืชเกิดวิกฤติผลผลิตแปรปรวน
กระบวนการดำเนินชีวิตผิดปกติ กระบวนการชีวเคมีภายในพืชวิปริต
พืชต้องต่อสู้กับภาวะต่างๆเหล่านี้อย่างหนัก
เราต้องเข้าใจพืช ออร์กาเนลไลฟ์ มีวิธี
ยาสูบยุคใหม่
ใส่ใจนวัตกรรม
เพราะสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศของโลกมันเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
กระบวนการต่างๆภายในต้นพืชย่อมเกิดปัญหาไม่ว่าจะเป็นกระบวนการชีวเคมี (Biochemistry) และกระบวนการอื่นๆอีกมากมาย
เราจะยึดแนวทางเก่าๆย่อมไม่ได้ ต้องใช้องค์ความรู้ใหม่ๆเข้ามาแก้ไขปัญหา
ตามความต้องการของพืช
เพื่อปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชแบบผ่ากระโหลกความเชื่อเก่าๆทิ้งไปเลยทีเดียว
ออร์กาเนลไลฟ์ ใส่ใจความรู้สึกพืช
จึงผลิตสารที่เลียนแบบตามธรรมชาติที่พืชเคยสร้างได้เอง
ให้พืชเพื่อให้วงจรการทำงานของพืช ดำเนินไปได้ตามปกติ เหมือนสภาวะธรรมชาติในอดีตที่ยังปกติอยู่
สนใจเข้าเรียนรู้ได้ที่ "สถาบันเกษตราภิวัฒน์"
ภายใต้การดำเนินงานของออร์กาเนลไลฟ์
ผลงานของสารมาเลท(Malate)
ที่เป็นสารตั้งต้น(Precursor)ในกระบวนการสร้างNicotine
RingและสารSecondary Metabolites ต่างๆในพืชยาสูบ
เพิ่มทั้งคุณภาพและผลผลิตมากกว่า30-50% ปลูกยาสูบเพียง 1
ไร่ได้ผลผลิตเท่ากับปลูก 2 ไร่ ใครไม่เอาบ้าง?
แต่ต้องใช้นวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ เข้าร่วมแก้ไข
เป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเกษตรยุคใหม่ล่าสุดในเมืองไทยและของโลกจากออร์กาเนลไลฟ์
ใช้ได้กับทุกพืช ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นยางพารา นาข้าว
หรือมันสำปะหลังและพืชอื่นๆอีกมากมาย เกษตรยุคใหม่..ออร์กาเนลไลฟ์
ขอมีส่วนร่วมในการพัฒนา โลกยุคใหม่ วิทยาการใหม่ๆ องค์ความรู้ใหม่ๆ
นวัตกรรมแห่งองค์ความรู้ใหม่ๆ ถ้าใครไม่เชื่ออนุญาตให้ขอเวลานอก
ออกไปนั่งดูที่ข้างสนามก่อนได้นะครับ
เห็นสภาพดินแบบนี้
แล้วอึดอัดใจและอดที่จะวิตกและกังวลใจไม่ได้เลย เจอสภาพดินแบบนี้
เห็นทีจะพัฒนาผลผลิตและคุณภาพให้สูงขึ้นได้ยาก
และชาวสวนยาสูบก็นิยมเอาสภาพดินแบบนี้มาปลูกยาสูบ และเอาสภาพดินที่สมบูรณ์ไปทำอย่างอื่น
ดินแบบนี้รากยาสูบจะอึดอัดและหายใจไม่ออก รากได้รับอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอ ดินเหนียว
น้ำแช่ขัง ไม่ยอมระบาย รากหายใจได้ไม่ดี และไม่มีโอกาสดูดกินปุ๋ยที่ดี
ต้องหาวิธีแก้ไข แก้ไขปัญหาดินแบบนี้มีทางเดียวนั่นก็คือ"แอนติ-ดินดาน"(Anti-Dindaan) เพราะงานเรื่องดินเหนียว
ดินแน่น ดินดาน มันเป็นงานของเราจริงๆ
ดินแบบนี้ไม่มีโอกาสสร้างผลผลิตเพราะมันติดที่รากเจริญเติบโตไม่ได้
แล้วจะเอารากจำนวนมากได้อย่างไร รากหายใจได้น้อย ดูดกินปุ๋ยได้น้อย
เราก็อย่าหวังว่าจะพัฒนาผลผลิตที่ดีได้เลยพี่น้อง
เฮ้อ..เห็นภาพแบบนี้ มันอ่อนเพลียและละเหี่ยใจเสียเหลือเกิน
กับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างนี้ ไม่อยากพบไม่อยากเห็นอีกต่อไปเลย
ปัญหาโรคยาสูบแบบที่เห็นเหล่านี้จะสูญพันธุ์ไป
เมื่อเราใช้"คาร์บ๊อกซิล-พลัส"ฉีดพ่นป้องกัน ใช้"อีเรเซอร์-1" ราดฆ่าเชื้อมันแบบเฉียบขาด
"โรคเหี่ยวเฉาขยาด โรครากเน่าแขยง" ต้องคู่พิฆาตคู่นี้เท่านั้นจริงๆ
ปลอดภัยเพราะไม่มีสารพิษ ชุบชีวิตต้นยาสูบได้มากกว่า 95% เราจะไม่พบเห็นต้นที่เป็นโรคเสียหายเหล่านี้อีกต่อไป
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกของยาสูบไทย ที่ต้องการผลผลิตต่อไร่ที่สูง เราต้องคำนึงถึงเรื่องความเสียหายจากโรคร้าย
ต้องลดความเสียหายจากโรคร้ายให้จงได้ จึงจะมั่นใจว่าผลผลิตต่อไร่ 4,000-5,000
กิโลกรัมต่อไร่ ไม่ใช่ เรื่องยาก "ชาวสวนยาสูบทั่วโลกตะลึง
อึ้งและทึ้ง เมื่อรู้ว่าโรคยาสูบรักษาได้แล้ว"จริง หนึ่งเดียวในโลกจริงๆ
ทางรอด
ยาสูบไทย ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ (1) ผลผลิตสูง (2)
คุณภาพสูง (3) ต้นทุนต่ำ แต่ในทางกลับกันถ้าเราหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1
สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง
ย่อมเกิดปัญหาต่างๆอยู่ร่ำไป และถ้าปล่อยให้ยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต
การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้เกิดเป็นโรคต่างๆมากมาย
เสียหายไร่ละหลายร้อยหลายพันต้น ผลผลิตเลยต่ำ ต้นทุนเลยสูง พอได้ผลผลิตต่ำ
ก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าหรือว่าคนรับซื้อ เพื่อให้ได้ราคาสูงๆ
ซึ่งมันเป็นเรื่องยากและลำบากเพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด
เราต้องหันกลับมาทำทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"ให้เกิดผลให้ได้
โดยที่"ผลผลิตต้องทำอย่างไรให้สูงถึง 90% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้(
เป้าหมายผลผลิต 5,000 กิโลกรัม/ไร่) คุณภาพทำอย่างไรให้ได้เกรดสูงมากกว่า 95%
และทำอย่างไรให้ต้นทุนต่ำ โดยใช้ปัจจัยที่ใช่
และใช้ได้ผลตรงเป้าหมายและความต้องการของพืช
อีกทั้งลดความเสียหายจากภัยต่างๆทั้งดินฟ้าอากาศ และโรค&แมลง
ที่กล่าวมาเบื้องต้น "ออร์กาเนลไลฟ์" เรามีวิธี
เพราะเรามีทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"และสินค้าในกระบวนการ"Revitalization"และกระบวนการ"SAR"และกระบวนการชีวเคมีต่างๆอีกมากมายภายในพืช
และนี่คือ ทางออกหนึ่งซึ่งเกษตรกรอาจตามหามานานตลอดชีวิตก็เป็นได้
เราเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ ทฤษฎีและสินค้าของเรา จึงไม่มีการลองผิดลองถูกครับ
ทางรอด
ยาสูบไทย ต้องใช้ทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"เท่านั้น นั่นคือ (1) ผลผลิตสูง (2)
คุณภาพสูง (3) ต้นทุนต่ำ แต่ในทางกลับกันถ้าหันกลับไปใช้ทฤษฎี" 2 ต่ำ 1
สูง" นั่นคือ (1) ผลผลิตต่ำ (2) คุณภาพต่ำ (3) ต้นทุนสูง
ก็จะเกิดปัญหาอยู่ร่ำไป การปล่อยให้ต้นยาสูบเกิดความเสียหายทางด้านการเจริญเติบโต
การเจริญเติบโตไม่ดี ปล่อยให้มีโรคมากมาย เสียหายไร่ละหลายร้อยหลายพันต้น
ผลผลิตเลยตกต่ำ ต้นทุนเลยสูง พอได้ผลผลิตต่ำ
เราก็ต้องดิ้นรนต่อสู้กับพ่อค้าหรือคนรับซื้อเพื่อให้ได้ราคาสูงๆ
ซึ่งมันเป็นเรื่องยากมากเพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด
เราต้องหันกลับมาทำทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"ให้เกิดผล
"ออร์กาเนลไลฟ์" มีวิธี
เพราะเรามีทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์"และสินค้าในกระบวนการ"Revitalization"และกระบวนการ"SAR"และกระบวนการชีวเคมีต่างๆอีกมากมายในพืช และนี่คือ
ทางออกหนึ่งซึ่งหลายคนอาจตามหามานาน เราเชื่อมั่นอย่างนั้นจริงๆ
ได้มีโอกาสเข้าไปตรวจไร่ยาสูบที่อำเภอปัว
จังหวัดน่าน ในวันดีวันที่ 1 มกราคม วันเริ่มต้นปีใหม่ 2556 เนื่องเพราะในปีนี้เป็นปีที่เกิดความวิปริตของสภาพดินฟ้าอากาศ
สภาพดินฟ้าอากาศที่ผิดปกติเกิดขึ้นในหลายๆจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย พะเยา
ลำปาง แพร่ น่าน จนทำให้การเพาะปลูกยาสูบเกิดปัญหาในหลายๆด้าน
ไม่ว่าการเจริญเติบโตที่ไม่ปกติ เกิดปัญหาเรื่องโรคพืชต่างๆรบกวน
การสร้างคุณภาพใบยาไม่ดี ผลผลิตแย่ สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นเกือบทุกที่
แต่โชคดีและสบายใจและปลอดโปร่งโล่งใจเมื่อเข้าไปตรวจดูสวนยาสูบที่เรารับผิดชอบทั้งระบบอยู่
ปรากฏว่าทุกอย่างยอดเยี่ยม สุดยอดมาก ยาสูบทุกต้นในไร่สมบูรณ์ทั้งคุณภาพและผลผลิต
ไม่พบความเสียหายที่ร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นจากโรคพืชต่างๆ หรือการเจริญเติบโตที่ไม่ดี
ทุกอย่างสอบผ่าน ขอบคุณจริงๆครับ ขอบคุณ"วัคซีนพืช"(
ซาร์คอนและคาร์บ๊อกซิล-พลัส เอ็กซ์ตร้า) ขอบคุณ"ซิกน่า"
สารส่งสัญญาณไล่แมลงและเพลี้ยที่เป็นพาหะโรคจากเชื้อไวรัส
ขอบคุณ"สารตั้งต้น" มาเลท(Malate) จาก"พาร์ทเวย์
M-190" และขอบคุณกรดอินทรีย์"Hydroxy
acid"ที่อยู่ใน"อีเรเซอร์-1" ที่ทำหน้าที่ฆ่า"ราสีน้ำเงิน"
อย่างเฉียบพลัน อีกทั้งยังทำหน้าที่ในกระบวนการ"Revitalization"(กระบวนการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์และปกติ
ช่วยบำรุงและซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมให้เป็นเซลล์ที่เหมือนเซลล์ใหม่อยู่ตลอดเวลา)
อันทำให้ต้นยาสูบเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างผลผลิตและคุณภาพต่อไป
ขอบคุณแทนต้นยาสูบ ขอบคุณแทนเกษตรกร
และขอบคุณแทนพ่อเลี้ยงผู้ส่งเสริมและรับซื้อผลผลิตใบยาสูบจากเกษตรกร
ขอบคุณจริงๆครับ
โรค"Tobacco Yellow Dwarf Virus"(โรคไวรัสเหลืองแคระ) โรคนี้ก็ไม่ธรรมดาสำหรับยาสูบไปแล้ว
เพราะพบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นจำนวนมาก ทำให้เราหาข้อสรุปได้เลยว่า ภาวะดินฟ้าอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ทำให้มีการเกิดขึ้นของแมลงพาหะที่นำเชื้อไวรัสโรคนี้เพิ่มมากขึ้น
และต่อให้นำยาเคมีสูตรใหม่มาใช้เรื่อยๆก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการต้านสารเคมีขึ้นมาของแมลงพาหะในตระกูลเพลี้ยอ่อนและเพลี้ยไฟ
แนวทางของออร์กาเนลไลฟ์ แก้ไขและป้องกันโดยการฉีดพ่น"ซิกน่า"(ZIGNA)
สารส่งสัญญาณเพื่อไล่แมลงไม่ให้มันมาลงทำลายพืชของเรา
อีกทั้ง"ซิกน่า" ยังเป็นสารกระตุ้นให้ต้นยาสูบสร้างสาร"Secondary
Metabolites"(สารทุติยภูมิ) บางอย่างออกมาเพื่อให้หนอน
แมลงและเพลี้ยไม่ชอบมากิน หรือสร้างสารที่แมลงกินไม่ได้ จึงทำให้พืชของเราไม่ถูกรบกวน
และเราเตรียมการป้องกันอีกทางหนึ่งนั่นก็คือ"การสร้างเกราะคอนกรีต"ให้ใบและลำต้นพืชโดยใช้"ซาร์คอน"(SARCON)
ซึ่งเป็นออร์โธซิลิซิค แอซิด มีซิลิก้าในรูปแอคทีฟ
ที่มีโมเลกุลเล็กมากๆที่สามารถเคลื่อนย้ายภายในลำต้นและใบพืชได้ จนไหลเวียนและนำไปสร้างผนังที่แข็งแกร่งบริเวณผนังเซลล์(Cell
Wall)ของพืชได้ นี่คือ
นวัตกรรมในการดูแลพืชยุคใหม่ที่ไร้สารพิษต่อผู้ใช้และผู้บริโภคจากออร์กาเนลไลฟ์
มันต้องอย่างงี้ซิ
"ยาสูบยุคใหม่" ในภาพต้นยาสูบอายุ 45 วัน ปลูกต้นเดือนพฤศจิกายน
ต้นสมบูรณ์ สม่ำเสมอเท่ากันเกือบทุกต้น ไม่มีความเสียหายจากโรคต่างๆซักต้น
ทุกต้นได้รับ"วัคซีน"ป้องกันโรคและแมลง
ทุกต้นไม่ใช้สารเคมีทั้งโรคและแมลงฉีดพ่น จึงปลอดภัยจากสารพิษ
ชีวิตเกษตรกรไม่ต้องตายแบบผ่อนส่ง ผลผลิตไม่เสียหาย ไม่ถูกโรคเข้าทำลาย
กำหนดเป้าหมายผลผลิตได้ คุณภาพดีมีแต่เกรดยาสูง กำหนดคุณภาพทั้งปริมาณนิโคติน
ปริมาณสารอัลคาลอยด์ ในใบยาได้เพราะมีการให้ สารตั้งต้น(Precursor) ที่ชื่อว่า
"มาเลท"(Malate)ในการสร้างคุณภาพใบยาและมีการวางแผนการเพาะปลูกตามทฤษฎี"วันเดอร์แลนด์
360 องศา จากออร์กาเนลไลฟ์ (ภาพจากสถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อ.ปัว จ.น่าน 20 ธันวาคม
2555)
มันต้องอย่างงี้ ใบยาสูบที่ดีและมีคุณภาพ สดจากไร่ไม่มีความเสียหายจากโรค
สุกแก่สมบูรณ์ คุณภาพสม่ำเสมอ
พร้อมนำเข้าบ่มให้ออกมาเป็นใบยาแห้งคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป
(รุ่นปลูกปลายเดือนกันยายน2555 ที่สถานีบ่มใบยาบ้านเหล่า อำเภอปัว จังหวัดน่าน)
เจอสภาพใบยาสูบแบบนี้
ต่อให้เทวดา ก็หมดปัญญา บ่มให้มีคุณภาพที่ดีได้ โรคเข้าทำลาย ใบเริ่มเหลือง
เกษตรกรเร่งเก็บหนีโรค ใบยายังดูดกินปุ๋ยอยู่ ยังไม่สุกแก่
เก็บมาก็มีปัญหาในการบ่มให้ได้เป็นใบยาแห้งที่มีคุณภาพได้
ถ้าพบเห็นสภาพใบยาสูบแบบนี้
แล้วยังบอกว่ามันมาจากสาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่จากโรค"ราสีน้ำเงิน"
ก็เชิญเพลิดเพลินกับความเสียหายต่อไป เพราะนี่คือ.."พิษสง"อันร้ายกาจ
ของโรคราสีน้ำเงิน(Blue
Mold) ที่จะทำให้ยาสูบไทย สูญพันธุ์
ถ้าไม่ป้องกันและแก้ไขที่ถูกวิธี มีแต่หายนะ
เพราะถ้ามันเกิดขึ้นแบบนี้แล้วจะมีอะไรเหลือกับคุณภาพและผลผลิตใบยาสูบที่เราต้องการและรายได้ของเกษตรกรอันพึงมีพึงได้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของเขา
ก็ต้องสูญเสียไปแบบไร้ความหวัง
และอาชีพการเพาะปลูกยาสูบไทยก็ต้องมีอันสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย
นี่คือ.."พิษสง"อันร้ายกาจ ของโรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ที่จะทำให้ยาสูบไทย
สูญพันธุ์ ถ้าไม่ป้องกันและแก้ไขที่ถูกวิธี มีแต่หายนะ
เกิดขึ้นแบบนี้แล้วจะมีอะไรเหลือกับคุณภาพและผลผลิตใบยาสูบที่ต้องการและรายได้ของเกษตรกรอันพึงมีพึงได้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
ก็ต้องสูญเสียไปแบบไร้ความหวัง
เตือนภัย..โรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ในยาสูบ "มันมาอีกแล้ว" ครับท่าน
เพราะอากาศมันวิปริตเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวอุ่น โรคนี้มันเลยชอบ วันนี้(31
ธค 2555) วันส่งท้ายปีเก่า ขอเวลาเข้าตรวจดูสวนยาสูบซักหน่อยไม่อยากปล่อยให้มันน้อยใจ
ทุกปีก่อนสิ้นปีก็มาเยี่ยมมันที และก็ได้เห็นปัญหากับตา ซึ่งก่อนหน้าก็ได้สั่งแก้ไขปัญหาโรคราสีน้ำเงินไปเรียบร้อยแล้วจนได้ผลผลิตและคุณภาพที่ดีกลับคืนมาเกินกว่า
95% ในรุ่นเดือนกันยายน พอมาถึงรุ่นนี้รุ่นที่ปลูกในปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา
โรคนี้ก็เริ่มกลับมาอีกครา แต่มาคราวนี้เราระวังตัวดี เลยไม่มีปัญหา สบายมาก
มาเลยเจ้า"โรคราสีน้ำเงิน" เราไม่กลัวคุณแล้ว
คุณมาคุณต้องเจอ"นักฆ่ามหาประลัยอย่าง" อีเรเซอร์-1" อย่างแน่นอน
ชัวร์
ใครรู้บ้างว่า"นี่คือพืชอะไร"
ถ้าไม่บอกหลายคนอาจจะไม่รู้จัก ที่เห็นในภาพนี้คือ"ใบยาสูบ" เป็นใบยาสดที่เก็บมาจากไร่เพื่อรอทำการบ่มให้แห้ง
ก่อนนำมาทำบุหรี่ต่อไปตามกระบวนการการผลิตบุหรี่
อย่างที่ผมเคยบอกว่า"ยาสูบ"คือ พืชปราบเซียน
เป็นพืชที่นักการเกษตรรู้จักและคลุกคลีกันน้อยมากเพราะหน่วยงานรับผิดชอบไม่ใช่กรมวิชาเกษตร
และเป็นพืชที่ดูแลยากพืชหนึ่ง ที่ว่ายากคือว่ามีอยู่ 2 เรื่องหลักๆนั่นคือ(1)
เรื่องการจัดธาตุอาหารที่สมดุลย์ (2) เรื่องโรคต่างๆของยาสูบ
เรื่องโรคยาสูบเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตาย
พืชอื่นๆก็มีโรคพืชต่างๆที่เข้าทำลายทั้งที่ลำต้นและที่ใบ แต่พืชอื่นๆถูกเชื้อโรคเข้าทำลายที่ใบ
แต่ยังได้ขายผลผลิตอยู่ แต่ถ้าเป็นยาสูบพอถูกเชื้อโรคเข้าทำลายที่ใบ
อาจทำให้ถึงกับเจ๊งหมดตัวได้เลยทีเดียวเพราะว่ายาสูบเราขาย"ใบ"
ถ้า"ใบ"ของมันถูกทำลาย พอเอามาบ่มขายก็บ่มไม่ได้ใบยาแห้งที่ดีมีคุณภาพ
ผมเลยบอกว่ายากไงหล่ะ และถ้ามาประดังประเด ถูกผสมผสาน
ด้วยการจัดธาตุอาหารให้ต้นยาสูบที่ไม่ถูกต้องด้วยแล้ว
ยิ่งพากันไปใหญ่ นี่คือพืชที่เราต้องรู้ใจให้มาก
ทั้งเรื่องโรคภัยและการบริหารจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสม
แล้วทุกอย่างจะง่ายในการผลิตใบยาสูบที่ดีและมีคุณภาพและที่สำคัญผลผลิตต้องได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
เพราะในยุคที่"ต้นทุนสูง" สิ่งที่ต้องทำก็คือ
การพัฒนา"ผลผลิตให้สูง"ให้ได้ เพื่อทำให้"ต้นทุนการผลิตต่ำลง"
และถ้าปล่อยให้เสียหายจากโรคต่างๆอย่างมากมาย ก็จะยิ่งทำลายผลผลิตให้ต่ำลง
จนอยู่ไม่ได้ "ทฤษฎี 2 สูง 1 ต่ำ" จึงจำเป็นที่จะต้องถูกนำมาใช้ และนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ด้วยกระบวนการต่างๆทางเคมีและชีวเคมีภายในของพืชที่แท้จริง
เพื่อให้พืชนี้คงอยู่คู่เกษตรกรต่อไป
และยังคงเป็นอีกพืชหนึ่งที่ยังสามารถทำรายได้อย่างมั่นคงให้เกษตรกรได้ตลอดไป
ผมโชคดีที่มี"พืชยาสูบ" เป็นอาจารย์มากว่า 30 ปี
จึงมามีวันนี้กับพืช"ยางพารา" พืช"มันสำปะหลัง" พืช"นาข้าว"
และ"พืชอ้อย" และพืชต่างๆอีกมากมายที่ผมกำลังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
ใครไม่เชื่อผมไม่เป็นไร แต่ขอให้พืชทุกพืชที่ผมลงไปทำงานด้วย เชื่อผม ผมก็พอใจแล้ว
เพราะผมเองมีความสุขกับการที่เห็นพืชมีความสุขครับ
เตือนภัย!!!!...โรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold) ในยาสูบ:
ชาวไร่ยาสูบทางเชียงราย พะเยา ลำปาง น่าน และหนองคาย ที่ปลูกยาสูบในช่วงนี้
ให้ระวัง!!การระบาดของโรคราสีน้ำเงิน(Blue Mold ) ที่มากับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของอากาศที่เปลี่ยนจากอุณหภูมิอบอุ่นมาเป็นอุณหภูมิหนาวเย็นและสลับกับอุณหภูมิหนาวเย็นกลับมาเป็นอุณหภูมิอบอุ่นขึ้น
ซึ่งทุกปีจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคม
แต่ในปีนี้จะมาเร็วขึ้นกว่าปกติเพราะพบว่าเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม(คือเดือนนี้)ในหลายๆที่และหลายๆจังหวัด
วิธีที่ดีที่สุดคือ การป้องกันเมื่อรู้ว่าในช่วงนี้มันมีปัจจัยเหมาะสมต่อการแพร่ระบาด
อย่างไรมันก็ต้องเกิด ไม่น่าจะเสี่ยงปล่อยให้มันเกิดขึ้นแล้วมาตามแก้ไขในภายหลัง
วิธีที่ดีที่สุดคือ การให้วัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองแก่ยาสูบไว้ล่วงหน้า
และใช้ยาฆ่าเชื้อแบบเฉียบพลันฉีดพ่นเมื่อพบเห็นว่ามันเริ่มจะระบาดได้ไม่เกิน 5%
ของสวนยาของท่าน โรคนี้รุนแรงมาก
จะทำให้ใบยาเริ่มเหลืองจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วโดยที่ใบยายังไม่สุกแก่
แต่เกษตรกรชาวสวนต้องเก็บเกี่ยวเพราะมันเหลืองแล้ว
เมื่อนำมาบ่มก็จะเป็นยาตายหรือบ่มเสียเป็นใบยาสีดำทั้งเตา
ส่วนในสวนใบยาก็จะเหลืองเร็วมากเพราะเชื้อมันระบาด
เพียงแค่ไม่กี่วันใบยาจะเหลืองเป็นครึ่งค่อนต้น
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การผลิตใบยาสูบล้มเหลว
จนนำไปสู่สิ่งที่ตรงข้ามกับทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ"( ผลผลิตสูง คุณภาพสูง
และ ต้นทุนต่ำ)ที่เราต้องการ แต่ถ้าเกิดความเสียหายตรงนี้ก็จะกลับกลายเป็น" 2
ต่ำ 1 สูง" นั่นคือ ผลผลิตต่ำ คุณภาพต่ำ แต่ ต้นทุนสูง
ซึ่งตรงข้ามกับทฤษฎี" 2 สูง 1 ต่ำ" นั่นเอง
มีอาการใบหด
ที่เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมีแมลงหวี่ขาว(White fly) เป็นพาหะ
ปล่อยเชื้อไวรัสและติดเชื้อมาจากกล้าปลูก เลยมาแสดงอาการในไร่ปลูก และยิ่งพอมาปลูกเจอสภาพดินที่แน่นทึบ(Soil
Compaction) เข้าไปอีกยิ่งไปใหญ่ ทำให้รากยาสูบเจริญเติบโตไม่ได้
เพราะดินไม่โปร่งร่วนซุย ดินแบบนี้ไม่ค่อยมีอินทรีย์วัตถุจึงไม่น่านำมาปลูกยาสูบ
อีกทั้งต้นยาสูบขาดน้ำด้วยแล้วอาการเหี่ยวจึงเกิดขึ้น สรุปว่า การดูแลและปฏิบัติต่างๆไม่ดี
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสภาพดินปลูก การเตรียมดินให้เหมาะสม ร่วนซุย
การป้องกันโรคจากเชื้อไวรัส เป็นต้น
สรุปสาเหตุประเด็นหลักคือ"ดิน"
ทั้งโครงสร้างดินไม่ดี และ การเตรียมดินปลูกไม่ดี สภาพดินด้อยคุณภาพ
อินทรีย์วัตถุต่ำ ปัญหาที่จะติดตามมา ก็คือ " โรคทางดิน"
ไม่ว่าจะโรคเหี่ยวเฉา โรครากเน่า โรคโคนเน่า เพราะคุณสมบัติดินไม่ดี มีค่า PH ไม่เหมาะสม
การเจริญเติบโตก็ไม่ดี เพราะการดูดกินธาตุอาหารได้ไม่ดี
สภาพดินที่แน่นทึบ(Soil Compaction) ทำให้รากยาสูบเจริญเติบโตไม่ได้
เพราะดินไม่โปร่งร่วนซุย ดินแบบนี้ไม่ค่อยมีอินทรีย์วัตถุจึงไม่น่านำมาปลูกยาสูบ
เป็นดินที่มีธาตุอาหารต่ำ จึงแสดงอาการขาดธาตุอาหาร โดยเฉพาะธาตุอาหารหลัก
ไนโตรเจน (N)
ปัญหาใหญ่ที่เห็นอีกอันหนึ่งก็คือ
"ระยะปลูก" ซึ่งถี่มาก ถ้าแก้ไขเรื่องระยะปลูกไม่ได้ ก็อย่าหวังว่า
จะไปพัฒนาเรื่องอื่นๆเลย เรื่องการเพิ่มผลผลิตก็ได้แต่เพียงคิดและฝันไปเท่านั้น
โจทย์ข้อแรกของภาพนี้คือ "ต้องแก้ไขระยะปลูก"ให้ถูกต้องเสียก่อนครับ
ดินแน่น
ขาดน้ำ โครงสร้างดินแน่นทึบ (Soil Compaction) เมื่อดินร้อนระอุจึงเกิดอาการ Sun
Blasting ทำให้ใบไหม้ได้ในระยะต้นยาสูบที่เพิ่งจะปลูกใหม่ๆ
สรุปสาเหตุประเด็นหลักคือ"ดิน"
ทั้งโครงสร้างดินไม่ดี และ การเตรียมดินปลูกไม่ดี สภาพดินด้อยคุณภาพ
อินทรีย์วัตถุต่ำ ปัญหาที่จะติดตามมา ก็คือ " โรคทางดิน"
ไม่ว่าจะโรคเหี่ยวเฉา โรครากเน่า โรคโคนเน่า เพราะคุณสมบัติดินไม่ดี มีค่า PH ไม่เหมาะสม
การเจริญเติบโตก็ไม่ดี เพราะการดูดกินธาตุอาหารได้ไม่ดี
โรคใบหด( Leaf Curl ) ที่เกิดจากเชื้อไวรัส
โดยมีแมลงหวี่ขาว (Bemesia tabaci ) เป็นพาหะนำเชื้อ
ระยะปลูกที่ถี่เกินไป
จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตเพื่อการสร้างผลผลิตและคุณภาพยาสูบที่สูงต่อไป
ถ้าหากแก้ไขปัญหาตรงนี้ไม่ได้ ย่อมพัฒนาด้านอื่นๆต่อไปไม่ได้
ระยะปลูกที่ถูกต้องและเหมาะสมควรมีระยะห่างระหว่างแถวไม่ต่ำกว่า 1.20 เมตร( 120
เซนติเมตร) และระยะระหว่างต้นไม่ต่ำกว่า 0.60 เมตร( 60 เซนติเมตร)
เจอทั้งโรคใบหด
เจอทั้ง SUNSCALD โครงสร้างดินก็ไม่ดี แถมการป้องกันโรคก็ยังไม่ดีอีก เจ๊ง กับ เจ๊ง ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น