ใช้ผลิตภัณฑ์ของออร์กาเนลไลฟ์
กับมันสำปะหลัง ของเขา "สุดยอด" จริงๆครับ ผมกล้ารับประกัน
(มันอำเภอบ้านด่าน บุรีรัมย์ ของคุณกนกเพชร ดวงนาค ศูนย์ODSC อำเภอบ้านด่าน)
พันธุ์ก็มีส่วนครับ
แต่ไม่อยากให้ไปซีเรียสจนต้องกังวลและทุ่มทุนเรื่องพันธุ์ เสมือนคนไทยก็ฉลาดและโตใหญ่ได้ถ้าดูแลดี
โภชนาการดี ไม่จำเป็นต้องเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวหรอกที่โตใหญ่ ฝรั่งแคระ ตัวเล็ก
ขี้โรคก็มีเยอะครับ เราเน้นดูแลกระบวนการทำงานทางชีวเคมี(Biochemistry)ภายในต้นพืชเป็นหลักครับ รายละเอียดศึกษาได้ที่ www.organellelife.com
ครับ
มี 3 กระบวนการที่สำคัญและเราเน้นมากสำหรับมันสำปะหลัง
นั่นคือ (1) กระบวนการสั่งลงราก ด้วยกระบวนการ"Revitalization"
(2) กระบวนการสั่งลงหัว ด้วยกระบวนการ"Tuberization"
(3) กระบวนการสั่งลงแป้ง ด้วยกระบวนการ" Starch
Synthesis " ทั้ง 3 กระบวนการ จะมีสารสำคัญทางชีวเคมีที่พืชสร้างขึ้นมาควบคุมตามธรรมชาติ
แต่อาจไม่สมบูรณ์เราจึงสร้างสารเลียนแบบตามธรรมชาติของพืชขึ้นมาควบคุมแทน
นี่คือหัวใจสำคัญในภาวะปัจจุบันที่โลกวิปริตจาก"ภาวะวิกฤติโลกร้อน"(Global
Warming) ที่รุนแรงและเสียหายมากต่อสภาวะแวดล้อมทางดินฟ้าอากาศต่อพืชน่ะครับ
กระบวนการสั่งลงราก "Root
Revevitalization"
กระบวนการสั่งลงหัว"
Tuberization"
เปลี่ยนรากให้เป็นหัว
โดยการบังคับการเจริญเติบโตให้เปลี่ยนจากทางด้านElongation มาเป็นการเจริญทางด้านLateral
เพื่อสะสมแป้งที่รากให้เป็นหัวมัน รากทุกรากต้องเป็นหัว
ด้วยฮอร์โมนที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบในกระบวนการชีวเคมี
กระบวนการสั่งแป้ง "Starch
Synthesis" ด้วยสารตั้งต้น(Precursor) ที่มีชื่อว่า"Malate"
และ"Glutamate" เพื่อเพิ่มเปอร์เซนต์แป้งให้สูงขึ้น
กระบวนการ "สั่งลงหัว" (Tuberization) ต้องมั่นใจได้ว่า "ถึงเวลาลงหัว ก็ต้องลงหัว อย่ามัวหลงทาง"
รากทุกราก ต้องเป็นหัว ให้ได้หมดสิ้น ไม่ยกเว้นแม้จะเป็น รากกิ่ง รากติ่ง รากแขนง
ที่เห็นทั้งหัวดกและหัวใหญ่
เพราะการดูแลองค์ประกอบครบถ้วนครับกับกระบวนการทำงานของต้นมันสำปะหลังอย่างถูกต้องถูกวิธี
ไม่มีสะดุด ตั้งแต่การสั่งลงราก(Root Revitalization) กระบวนการสั่งลงหัว(Tuberization)
กระบวนการสั่งลงแป้ง(Starch Synthesis) ทั้งๆที่การเตรียมดินอาจจะไม่ครบถ้วน
ระบบน้ำก็ไม่มีอาศัยเทวดา พันธุ์ก็ใช้พันธุ์ธรรมดาพื้นๆทั่วไป ไม่ได้ใช้พันธุ์เทวดาราคาหลักพันหลักหมื่นหรอกครับ
ใช้พันธุ์ ระยอง 9 เท่านั้นเอง และมีพันธุ์อื่นปะปนบ้างเล็กน้อย
ต้นแบบนี้หัวละประมาณ
21 กิโลกรัม(มันบึงกาฬ ปลูกในแปลงยางปลูกใหม่)
ใช้แอคซอน
ตัวเดียวก็จะได้ผล เรื่องสั่งลงหัว(Tuberization) เรื่องเดียวเท่านั้นแต่ได้
100% ครับอาทิ ปลูกแล้วมีรากดีมาก รากเยอะ แต่ไม่ค่อยจะเป็นหัวทั้งหมด
แต่ถ้าใช้แอคซอนสั่ง การลงหัวก็จะเต็มที่ไม่มีพลาด เพราะกระบวนการทำงานในต้นมัน
มันจะถูกบังคับให้ทำหน้าที่ลงหัวเมื่อฮอร์โมนที่เป็นกรดอินทรีย์ตัวหนึ่งมันมีปริมาณมากพอที่จะทำงานตามกลไกของกระบวนการ"Tuberization"
แต่แค่ใช้แอคซอนเพียงอย่างเดียวผลลัพธ์ก็เกินคาดแล้วครับเมื่อเทียบกับไม่ใช้
การันตีจากคนที่ใช้แอคซอนเพียงอย่างเดียว ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัวเกือบทุกราย
อาทิเคยได้ไร่ละ 3 ตัน ก็จะเป็น 6-7 ตัน/ไร่ หรือใครที่เคยได้ไร่ละ 5
ตันก็จะเพิ่มเป็น 11-13 ตัน/ไร่(โดยเฉลี่ย) ที่เพิ่มมากกว่านั้นก็มีอาทิ เคยปลูก
10 ไร่ได้ 11 ตัน ทุกปี ทุกปี @ได้ไร่ละ1.1 ตัน
แต่พอมาใช้"แอคซอน" กลับได้มา 50 ตัน(ไร่ละ5 ตัน)เพิ่มขึ้นมาถึง 5
เท่าตัว (เคสนี้อยู่ที่อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย) ผลลัพธ์ที่กล่าวมาทั้งหมด
การเปรียบเทียบระหว่างใช้กับไม่ใช้
ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกอย่างต้องเหมือนเดิมคือ การปฏิบัติแบบเดิมๆ
พื้นที่เดิม พันธุ์เดิม ปุ๋ย&ยาเหมือนเดิม
จะแตกต่างกันก็เพียง "ใช้ กับ ไม่ใช้" แอคซอน เท่านั้นครับ
กระบวนการสั่งลงราก(Root Revitalization) ก็มีความสำคัญ "รากคือหัว หัวคือราก"
และต้องเป็นราก"เก็บอาหาร"(Storage Root) ไม่ใช่ราก "หาอาหาร"
เพื่อรอการสั่ง "เก็บอาหาร" จนเป็นหัวมัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น